คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่พวกเขามีอะไรที่เป็นสิ่งพิเศษอย่างแน่นอน ที่คนอื่นๆ ไม่มีอย่าง คนที่ประสบความสำเร็จ ในระดับสูงกว่าคนอื่น และเป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่หาถึงความสำเร็จ อยากมีความสำเร็จกันทุกคน แต่คิดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องลงมือทำด้วยและมีนิสัยที่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จ เพื่อจะให้ประสบความสำเร็จในระดับสูงได้ ว่าแต่พวกเขาประสบความสำเร็จได้อย่างไร และจะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างนะ จึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้ ว่าแล้วในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปดูองค์ประกอบพื้นฐานที่ต้องมีเพื่อความสำเร็จในระดับสูงกัน
1.ความรอบรู้ (Knowledge)
เป็นสิ่งที่ได้มากจากการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ เพราะการศึกษาหาความรู้ที่ไม่ได้มีที่สถาบันการศึกษาอย่างที่เราไปเข้าเรียนกันอย่างเดียว แต่การศึกษาหาความรู้มีมากมายเต็มไปหมดอย่างไม่จำกัด มีทุกอยู่ทุกหนทุกแห่งที่เราเดิมทางไป ไม่ว่าจะไปทำงาน ไปท่องเที่ยว ไปทำธุรกิจ ไปธุระต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเรา โดยได้ความรู้จากประสบการณ์ การพูดคุยกับผู้คน การอ่านหนังสือต่างๆ การฟังความรู้จากการเรียนการสอน ฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น การคิดเอง การเห็นด้วยสายตาจากภาพ รายละเอียดต่างๆ จากการเขียนด้วยความคิดของตนเอง ตัวอย่างเช่น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อลินคอล์น เป็นผู้ที่มีความรู้ในหลายด้านอย่างมาก เรียนจบทางด้านกฎหมาย เป็นผู้มีสามารถเลิกทาสได้สำเร็จ และ ผู้นำของอินเดียที่ยิ่งใหญ่ เป็นคนที่มองเห็นการแก้ปัญหาด้วยวิธีสันติ ด้วยสติปัญญาและความรู้ ทำให้ขับไล่ผู้รุกราญอย่างประเทศอังกฤษที่หวังจะครอบครองอินเดียทั้งประเทศ และนี่ก็แสดงให้เห็นได้ว่า การมีความรอบรู้นั้น ย่อมนำพาเราไปสู่ความสำเร็จได้เสมอ และควรยึดถือคติไว้เสมอว่า ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีใครเก่งจนเกินที่จะเรียนรู้ ดังนั้นจึงควรใฝ่คว้าหาความรู้อยู่เสมอด้วยนั่นเอง
2.ช่างสังเกต (Observation)
คือการใช้ประสาทสัมผัสที่เรามีอยู่ในตัวเรา ทั้งทาง ตา หู จมูก ปาก สัมผัสกับสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา เรียกว่าเห็นอะไรก็สงสัยว่า ทำไม ถึงต้องเป็นอย่างนี้ แบบนี้ทำได้ด้วยหรือ อย่างนั้นทำไมทำไม่ได้ ลองทำบ้างดีไหม แต่ต้องมีเหตูมีผล ต่อยอดมาจากข้อที่ 1 เรื่องความรอบรู้ในด้านต่างๆ ทำให้กลายเป็นคนช่างสังเกตอย่างมีเหตุมีผลได้มาก การสังเกตจะทำให้เกิดการไตร่ตรอง จนถึงขั้นทดลองดูว่าเป็นไปได้ พิสูจน์ได้จริง ได้ผลอย่างไรเก็บข้อมูลไว้นำไปเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้าได้อย่างดี ตัวอย่างที่เห็นชัดก็คือนักวิทยาสตร์อย่าง กาลิเลโอ เขาสังเกตการแกว่งของโคมไฟ จนสามารถประดิษฐ์คิดค้นนาฬิกาได้สำเร็จ และ ไอแซคนิวตัน ผู้คิดค้นแรงโน้นถ่วงของโลก คิดค้นทฤษฎีทางคณิตศาสตร์แคลคูลัส โดยเขาเฝ้าสังเกตว่าแรงอะไรที่ทำให้ผลแอปเปิลนั้นหล่นลงมาที่พื้นดิน และแรงอะไรที่ดึงดวงจันทร์กับโลกของเราไว้ นี่คือความช่างสังเกตของคนที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษยชาติ เพราะฉะนั้นเพื่อความสำเร็จแล้ว การช่างสังเกตก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะต้องมี อย่ามัวแต่เดินหน้าตามแผนที่วางไว้ แต่ควรจะสังเกตสิ่งรอบข้างอยู่เสมอ และความสำเร็จจะมาหาคุณอย่างแน่นอน
3.คิดสร้างสรรค์ (Creativity)
เป็นกระบวนการคิดที่ก้าวหน้า ไม่หยุดนิ่ง ความรู้เดิมอาจจะใช้แล้วกับสิ่งนี้ สถานการณ์แบบนี้ ต้องใช้ความรู้ใหม่มาแทนด้วยการคิดแบบสร้างสรรค์สิ่งใหม่และใช้ประโยชน์ได้อย่างดีเยี่ยมกว่าของเดิม เป็นความคิดริเริ่มทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่ยังไม่มีใครคิดมาก่อน และไม่ได้ลอกเรียนแบบจากที่อื่น ความคิดสร้างสรรค์มาจากการใช้สมองซีกขวาทำหน้าที่คิดสร้างสรรค์ ซึ่งเราสามารถพัฒนาได้ โดยต้องฝึกในการคิดรวบรวมข้อมูลต่างๆ รอบด้าน มองการแก้ปัญหาหาทางออกในทางที่ดี คิดแต่ในทางบวก ต่อยอดได้อีกไกล เป็นกระบวนการคิดที่ทำให้เกิดนวัตกรรมต่างๆ ตัวอย่างนักคิดแบบนี้ก็มีมากหลายท่านที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกของเราได้ มาดูนักคิดสร้างสรรค์กับผลิตภัณฑ์ของเขากัน อย่าง Bill Gates มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกที่ประสบความสำเร็จในการคิดโปรแกรม Microsoft เป็นนวัตกรรมเปลี่ยนเอกสารให้เป็นที่นิยมไปทั่วโลกไม่มีใครไม่รู้จัก และไม่ใช้โปรแกรมนี้ ส่วนอุปสรรคของการคิดแบบสร้างสรรค์ คือการไม่รับฟังเรื่องใดเลย เพราะอ่อนแอในการคิด คิดว่าทำไม่ได้อย่างเดียว ไม่เชื่อว่าตัวเองมีประสิทธิในการคิด กลัวทุกมองว่าเพ้อฝัน เป็นไปไม่ได้ ยากมากที่จะคิด เพราะคิดอยู่ว่าเป็นไปได้ยากมากๆ