บนโลกของความเป็นจริงแล้วเราต่างคนมีหลากหลายวิธีที่จะสอนให้ลูกรู้จักการออมเงินเพื่อที่จะให้ลูกเกิดนิสัยในการออมเงินที่ดี เพื่อที่ตัวของเค้าเองจะได้ใช้จ่ายในอนาคตโดยที่เค้าจะรู้จักคุณค่าของเงิน และการรู้จักประหยัดอดออมมากยิ่งขึ้น ซึ่งคนที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ลูกมีนิสัยการรักการออมเงินหรือเห็นคุณค่าของการออมเงินนั้นก็คือคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่กับลูกทุกวันนั้นเอง โดยตอนนี้เราจะมารู้จักวิธีการที่ สอนลูกรักการออม มากยิ่งขึ้นดังต่อไปนี้
อ่านเพิ่มเติม >> รู้ รักการออม เพื่ออนาคตวันข้างหน้า <<
เบบี้: คุณแม่คะหนูอยากได้เจ้าตูบตัวนั้นจังเลย แต่ว่าหนูไม่มีเงินซื้อ เพราะหนูสัญญากับคุณแม่ไว้ว่าถ้าหนูอยากได้อะไรจะต้องเก็บเงินซื้อเอาเอง ตอนนี้เงินเก็บของหนูยังไม่พอเลยค่ะ หนูจะทำยังไงดี? อีกนานป่าวก็ไม่รู้กว่าจะเก็บเงินมาซื้อเจ้าตูบตัวนั้นได้
มัมมี่: ดีมากเลยค่ะ หนูจะต้องรู้จักอดอน ถ้าหนูอยากจะได้อะไรหนูจะต้องเก็บเงินออมของตัวเองเอาไว้เพื่อที่จะซื้อของหรือเจ้าตูบเองตามที่คุณแม่สอนไว้ คุณแม่ดีใจจังที่หนูจำคำพูดของคุณแม่ได้ ส่วนเรื่องเงินออมนั้นเรามีหลายวิธีเลยค่ะที่จะทำให้เรามีเงินที่เราเก็บไว้นั้นมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อยากซื้อเจ้าตูบเร็วๆ ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นก็ต้องมาเร่งหาเงินออมกันสักหน่อยแล้ว
เบบี้: ค่ะ แล้วเราจะต้องทำอย่างไรบ้างเหรอคะ?
มัมมี่: ถ้าสมมุติว่าหนูโตขึ้น หนูสามารถทำงานหาเงินเองได้แล้ว หนูก็สามารถเก็บเงินของตัวเองได้มากขึ้น เพราะว่าการทำงานสามารถทำให้เงินของเราเพิ่มมากขึ้นยังไงล่ะคะ แล้วจากนั้นเมื่อไหร่ที่หนูได้เงินมาคุณแม่ให้หนู่เก็บเอาไว้ก่อนที่จะเอาออกมาใช้เลย แต่ว่าตอนนี้หนูยังเด็ก และยังไม่สามารถทำงานหาเงินเองได้เหมือนคุณแม่ คุณแม่มีวิธีมาให้หนูทำเหมือนคุณแม่เป็นวิธีที่ทำให้เงินของหนูเพิ่มมากขึ้น…ดีไหมคะ?
เบบี้: ค่ะคุณแม่ หนูต้องทำยังไงบ้าง หนูจะได้มีเงินเก็บเยอะๆ และจะได้มาซื้อเจ้าตูบ
มัมมี่: คุณแม่จะพาหนูไปที่ธนาคาร แล้วเราจะฝากเงินของหนูไว้ที่ธนาคาร โดยที่เราจะให้ธนาคารเป็นคนเก็บไว้ พอเราฝากไปนานๆ เราจะได้เงินเพิ่มมากขึ้น เงินที่เพิ่มมากขึ้นจากการที่เราเองเงินไปฝากธนาคารนั้นเราเรียกว่าดอกเบี้ย หนุก็จะได้ดอกเบี้ยที่เป็นจำนวนเงินเพิ่มมากขึ้น แล้วเงินเก็บของหนูก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วยยังไงล่ะคะ
เบบี้: ดีจังเลยค่ะคุณแม่ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราเอาเงินไปฝากที่ธนาคารเลยนะคะ หนูอยากให้มีเงินเพิ่มมากขึ้นไวๆ หนูจะได้ซื้อเจ้าตูบตัวนั้นได้ซักที
มัมมี่: เดี๋ยวคุณแม่จะพาหนูไปธนาคารแล้วเราจะเอาเงินไปฝากธนาคารกันพรุ่งนี้นะคะ แล้วพอหนูเอาเงินไปฝากธนาคารแล้ว หนูจะต้องเชื่อฟังคุณแม่ด้วยนะคะ อีกอย่างหนึ่งคือในแต่ละวันนั้นหนูจะต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายด้วยนะคะ
เบบี้: บัญชีรายรับ-รายจ่ายคืออะไรคะคุณแม่?
มัมมี่: มันคือการเขียนบันทึกว่าในแต่ละวันนั้นเราได้เงินมาจากที่ไหนบ้าง แล้วเราใช้เงินไปกับการจ่ายอะไรบ้างยังไงล่ะคะ แล้วเราจะได้รู้ว่าในแต่ะวันนั้นเราใช้เงินเยอะหรือเปล่า ถ้าเยอะเกินไปเราก็จะได้ไม่ต้องจ่ายกับสิ่งๆ นั้น ถ้าไม่จำเป็นเราก็จะได้ไม่ต้องซื้อหรือจ่ายเงินเพื่อให้ได้มันมากยังไงล่ะคะ อย่างเช่นทุกเดือนเราจะต้องไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าที่เราใช้ แล้วตอนทุกๆสิ้นเดือนเราก็จะได้ใบเสร็จเรียกเก็บเงินมาว่าเราจะต้องจ่ายเงินไปเท่าไหร่ คุณแม่ก็จะบันทึกเอาไว้ว่าเงินที่คุณแม่จะต้องจ่ายค่าน้ำและค่าไฟฟ้าเป็นเท่าไหร่ ถ้าจำนวนเงินที่เราจะต้องจ่ายนั้นมากเกินไป คุณแม่ก็จะประหยัดไฟฟ้ามากขึ้น ไม่ใช่น้ำเยอะ เหมือนเดือนก่อนหน้านี้ที่เราใช้จ่ายไปเยอะเกินยังไงล่ะคะ
หรือจะลองอ่านนี่ดูนะ >> ทำบัญชีรายรับรายจ่าย ทำให้มีเงินออม <<
เบบี้: ถ้าอย่างนั้นหนูก็จะทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายด้วยค่ะ หนูจะได้รู้ว่าอะไรที่จำเป็นอะไรที่ไม่จำเป็นด้วยตค่ะ
มัมมี่: ดีมากเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปถึงบ้านแล้วคุณแม่จะสอนให้หนูทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายนะคะ
เบบี้ : ออคุณแม่คะ เบบี้อยากทำงานหาเงินด้วยอ่าค่ะ จะได้มีเงินเยอะๆ
มัมมี่ : งั้นเอางี้เดี๋ยวไปรับจ้างคุณยายล้างจานดีไหม ช่วงนี้คุณยายก็เหนื่อยๆ ล้างจานไม่ค่อยไหวอยู่พอดี
เบบี้ : ดีเลยค่ะ เบบี้ชอบอยู่กับคุณยาย เดี๋ยวไปรับจ้างล้างจานกับคุณยายดีกว่า รีบไปดีกว่าค่ะคุณแม่ เบบี้ใจร้อนแล้วอ่า
มัมมี่ : ok งั้นเราไปกันเลยจ้า
การจะสอนให้ลูกออมเงินนั้นไม่ยาก ดูเหมือนที่คุณแม่มัมมี่สอนน้องเบบี้สิคะ นับว่าเป็นก้าวแรกของการสอนลูกออมเงินเลยทีเดียว แถมยังทำให้หนูเบบี้ไม่เอาแต่ใจและรู้จักเก็บเงินเพื่อซื้อของที่ตัวเองอยากได้อีกด้วย แล้วคุณล่ะ เริ่ม สอนลูกรักการออม กันหรือยัง