ครั้งนึงผมเคยเข้าสัมมนา วิทยากรได้ถามคำถามนึงที่น่าสนใจ เค้าถามว่า
“ถ้า เป้าหมาย + วิธีการ = ผลลัพธ์ ซึ่งถ้าผลลัพธ์คือ 100% คุณจะให้คะแนนความสำคัญของเป้าหมายกี่ % และวิธีการกี่ %”
ผู้เข้าร่วมสัมมนาต่างมีคำตอบกันไปต่างๆ นาๆ บางคนก็ให้คะแนนเป้าหมายมากกว่า บางคนก็ให้คะแนนวิธีการมากกว่า บางคนให้คะแนนเท่ากัน
ผมยังไม่เฉลยก็แล้วกัน แต่อยากจะยกตัวอย่างให้ดูสักหน่อย
สมมติว่าคุณมีความฝันที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ คุณชอบประเทศนั้นมาก อยากไปสัมผัสบรรยากาศที่นั่น อยากมีประสบการณ์แบบนั้นในชีวิต แต่พอย้อนกลับมาดูในวันนี้ คุณยังอยู่ที่เมืองไทย ยังใช้ชีวิตแบบเดิมๆ แล้วคุณก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า ถ้าคุณต้องการจะไปสถานที่ในฝันของคุณให้ได้ คุณจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง!
จากนั้นคุณก็เริ่มหาหนทางที่จะได้ไปที่นั่น คุณเริ่มเก็บเงิน และวางแผนการเดินทาง คุณรู้ว่ามีวิธีไปถึงที่หมายได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางโดยเครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ หรือแม้แต่กระทั่งปั่นจักรยาน หรือเดิน มันก็สุดแท้แต่ที่คุณจะเลือก สิ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือ ตราบใดก็ตามที่คุณยังมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปยังดินแดนในฝัน ไม่ว่าคุณจะเดินทางด้วยอะไรก็แล้วแต่ คุณจะต้องไปถึงที่นั่นในสักวัน
คุณพอจะเห็นอะไรมั้ยครับ? ทันทีที่คุณเริ่มรู้ว่าคุณต้องการไปเที่ยวต่างประเทศ ขณะนั้นเป้าหมายของคุณได้เกิดขึ้นแล้ว และคุณก็รู้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงอยากไป ก็เพราะว่าคุณชอบประเทศนั้น อยากสัมผัสบรรยากาศ อยากมีประสบการณ์ชีวิต สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เป้าหมายมีน้ำหนักจนทำให้คุณอยากลงมือทำอะไรสักอย่าง จากนั่นวิธีการต่างๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น
หลายๆ คนอาจจะพอเริ่มเดาคำตอบของคำถามข้างต้นได้แล้วนะครับ
จริงๆ แล้ว โจทย์มันหลอกตั้งแต่ต้นแล้วล่ะครับ
คำตอบคือ เป้าหมาย = 100%, วิธีการ = 0% หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เป้าหมายเท่ากับผลลัพธ์นั่นเอง
ถ้าคุณทำความเข้าใจกับตัวอย่างที่ผมได้ยกไว้ คุณจะรู้ว่าเป้าหมายคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง มันเป็นตัวสร้างวิธีการต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งตราบใดที่คุณยังยึดเป้าหมายเอาไว้อย่างเหนียวแน่ ผลลัพธ์ย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับวิธีการมากกว่า คุณก็ลองคิดดูแล้วกันว่าคุณอาจจะมียานพาหนะที่รวดเร็วปานจรวด แต่ทิศทางของคุณมันไปที่ไหนกันล่ะ? ถ้าคุณไม่คุยกับตัวเองให้จบว่าจริงๆ แล้ว คุณต้องการไปไหน ต้องการอะไรในชีวิต การดำเนินชีวิตของคุณก็จะไม่มีทิศทางที่แน่นอน วันนี้คุณอาจเดินทางไปทิศใต้ วันพรุ่งนี้คุณอาจเดินทางไปทิศเหนือ และวันนึงคุณก็จะเริ่มงงๆ แล้วก็วนอยู่ที่ๆ เดิม เพราะไม่รู้ว่า คุณควรจะไปไหนกันแน่ อาจดูเหมือนเรื่องตลก แต่นี่แหละคือรูปแบบชีวิตของคนส่วนใหญ่ครับ
ในโลกการเงินของคุณก็เหมือนกัน คุณเคยคุยกับตัวเองบ้างรึเปล่า ว่าเป้าหมายทางการเงินของคุณคืออะไร คุณรู้หรือไม่ว่าคุณทำงานไปทำไม คุณใช้ชีวิตทุกวันนี้ไปเพื่ออะไร
ผมนึกถึงหนังไทยเรื่องนึงชื่อว่า “Super Salary man” หรือ “ยอดมนุษย์เงินเดือน” เนื่องเรื่องแสดงถึงสังคมคนทำงานในออฟฟิต ในสังคมการทำงานเราหนีไม่พ้นการพูดคุยเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกค้า และสุดท้ายมักจะจบลงที่เรื่องเงินเดือน หรือเรื่องรายได้ที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เนื้อเรื่องดำเนินไปเกี่ยวกับการทำงานหนักของพนักงานประจำ เพื่อร่วมกันทำโปรเจคสำคัญที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ โดยมีเงินโบนัสประจำปีเป็นเดิมพัน หลายๆ คนเร่งทำงานหนักจนเกือบจะถอดใจ และเริ่มที่จะไม่สนใจอยากจะได้โบนัสอะไรนั่นแล้ว แต่พระเอกของเราได้ถามคำถามหนึ่งกับเพื่อร่วมงานที่น่าคิด “ถ้าเราไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน แล้วเราทำงานเพื่ออะไร?”
อ่านเพิ่มเติม >> เราทำงานหนักไปเพื่ออะไร ? <<
ผมไม่รู้หรอกว่าในใจของแต่ละคนมีคำตอบว่าอะไร แน่นอนว่าไม่มีใครปฏิเสธหรอกว่า ที่ทนทำงานอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อเงิน แต่คำถามคือ มันแค่นั้นจริงๆ เหรอ เบื้องหลังสิ่งเหล่านั้นนั้นมันคืออะไร
สมมติว่าคุณบอกว่าที่คุณทำงานก็เพื่อเงิน แน่นอนว่าสิ่งที่คุณได้ มันก็จะได้แค่เงิน ถ้าคุณบอกว่าทำงานเพื่อให้พอมีเงินใช้ไปวันๆ สิ่งที่คุณจะได้ ก็คือคุณก็จะ แค่มีเงินใช้ไปวันๆ จริงๆ นั่นแหละ ร่างกายและการกระทำของคุณมันมักตอบสนองต่อความคิดของคุณอย่างตรงไปตรงมา ในเมื่อคุณตั้งเป้าไว้แค่นั้น คุณก็จะได้แค่นั้น อย่าลืมว่าเป้าหมายเท่ากับผลลัพธ์เสมอ
เราลองให้เวลากับตัวเอง แล้วมาคุยกับตัวเองอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และตรงไปตรงมาหน่อยดีมั้ยครับ? นี่อาจเป็นคำถามสำคัญ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนให้กับชีวิตของคุณก็ได้ ถ้าคุณอยากมีเงินเยอะ คุณลองหาคำตอบต่อไปซิว่า เพราะเหตุใดคุณถึงต้องการเงินเยอะ อาจจะเป็นเพราะว่ามันสามารถทำให้คุณได้ดูแลคนที่คุณรักได้ ทำให้ครอบครัวของคุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้คุณได้ไปเที่ยวรอบโลก ไม่ว่าคำตอบนั้นมันคืออะไร ถ้ามันออกมาจากใจ นั่นแหละคุณได้เจอเป้าหมายที่แท้จริงของคุณแล้ว
คุณรู้หรือไม่ครับว่า มนุษย์เราอยู่ได้ด้วย “Why?” ถ้าคุณมี เป้าหมายที่แท้จริง ของชีวิต แล้วรู้ว่าเพราะอะไรคุณถึงต้องการมัน นั่นเท่ากับว่า คุณได้เริ่มสร้างชีวิตที่เหลือของคุณขึ้นมาใหม่แล้ว ได้เวลาทำชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณให้มีค่ามากยิ่งขึ้นแล้วล่ะครับ!