ภาษีในมุมมองของรัฐบาลนั้นเป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลต้องการอย่างมากในการใช้พัฒนาประเทศ และไม่ใช่เพียงนำเงินภาษีส่วนนี้ไปลงทุนหรือพัฒนาประเทศของเราเพียงอย่างเดียวนะ ยังมีการนำเงินในส่วนนี้ไปใช้หนี้ต่างๆที่ทางประเทศได้ติดหนี้เอาไว้ ภาษีจึงจำเป็นอย่างมากเลยทีเดียวล่ะ
แต่สำหรับคนทั่วไปอย่างเราที่หาเช้ากินค่ำ หรือหาค่ำกินข้าวนั้น ก็มองว่าภาษีเป็นการเสียเงินในอีกรูปแบบหนึ่งที่จะเสียมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับเงินเดือนของเรา แน่นอนล่ะว่าใครที่มีเงินเดือนเยอะๆก็คงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ลดหย่อนภาษี เมื่อคนทั่วไปพยายามที่จะลดหย่อนภาษีกับทางรัฐบาลอาจจะทำให้เงินภาษีที่รัฐบาลได้มานั้นไม่พอที่จะใช้หนี้ต่างๆรวมไปถึงการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ จึงอาจจะมีการเพิ่มภาษีมากยิ่งขึ้นจนเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจได้
ก่อนที่เราจะรู้จัก ภาษีกึ่งอิสระ เรามาทำความเข้าใจภาษีธรรมดากันก่อน
ภาษีนั้นจะมีอยู่หลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะทำหน้าที่เก็บเงินที่แตกต่างกันไป แต่ในส่วนนี้จะพูดถึงภาษีที่กระทบกับเศรษฐกิจโดยตรงก็คือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดานี้จะเก็บเงินภาษีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับรายได้ของบุคคลนั้น ยิ่งมีรายได้เยอะก็ยิ่งเสียมากยิ่งมีรายได้น้อยก็ยิ่งเสียน้อย การเสียภาษีนี้ไม่ได้ใช้เกณฑ์เดียวกันในการหักภาษี แต่จะคิดเป็นขั้นบันได ใครที่มีรายได้สูงก็จะคิดตามอัตราส่วนที่สูงกว่าคนที่มีราได้ต่ำ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือที่เรารู้จักในชื่อของ VAT อันนี้จะคิดและบวกเงินเพิ่มอยู่แล้วในสินค้าต่างๆ อย่างเช่นนมหนึ่งกล่องมีราคาต้นทุน 10 บาทและบวกราคาภาษีเข้าไปอีก 2 บาท จึงทำให้นมกล่องนั้นมีทุนที่ 12 บาทจึงต้องขายแพงขึ้น
หน่วยงานที่เก็บภาษี
- หน่วยงานที่เก็บภาษีของรัฐบาล คือ กระทรวงการคลัง โดยในกระทรวงการคลังจะแบ่งย่อยได้อีก 3 กรมก็คือ
- กรมสรรพากร มีหน้าที่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
- กรมสรรพสามิต มีหน้าที่เก็บภาษีน้ำมัน ภาษีรถยนต์ ภาษีเบียร์ สุรา ยาสูบ ภาษีแบตเตอรี่
- กรมศุลกากรมีหน้าที่เก็บอากรขาเข้าและอากรขาออก
โดยประเทศไทยนี้จะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT มากที่สุดด้วยการเก็บถึง 41% ซึ่งต่างกับประเทศที่พัฒนาแล้วโดยประเทศที่พัฒนาแล้วจะเลือกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดามากที่สุดด้วยการเก็บที่ 25% เท่านั้น และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมที่เก็บเยอะไม่แพ้กันโดยประเทศไทยเก็บที่ 33% แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วเลือกเก็บเพียง 9% เท่านั้น จึงส่งผลให้กำไรที่บริษัทในประเทศไทยทำได้มาต้องมาหดหายไปถึง 33% จึงทำให้เงินกำไรที่จะใช้ลงทุนต่อรวมไปถึงการจ้างแรงงานในอนาคตก็หดหายไปด้วย แค่เก็บภาษีก็ทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้าแล้วนะเนี่ย
ภาษีกึ่งอิสระ คืออะไร
ภาษีกึ่งอิสระ มีชื่อย่อว่า SARA โดยย่อมาจาก Semi-autonomous Revenue Agency โดย SARA นี้ได้มีการจัดตั้งขึ้นแล้วในหลายๆประเทศ เป็นหน่วยงายกึ่งอิสระที่มีหน้าที่ในการเก็บภาษีทดแทนจากหน่วยงามเดิมของกระทรวงการคลัง การบริหารนั้นจะบริหารที่คล้าบบริษัทมากยิ่งขึ้นแต่ก็ยังมีการเก็บภาษีประเภทต่างๆอยู่ และด้วยความที่ว่าคล้ายบริษัทนี้จึงไม่มีแรงจูงใจในการคอร์รัปชั่นเท่าไหร่
การจัดตั้ง SARA นี้ได้แนวคิดมาจากหลายๆประเทศที่เกิดปัญหาการจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมาย มีหารหนีหนี้ที่เยอะและปัญหาคอร์รัปชี่เยอะไม่แพ้กัน และอุปสรรคของ SARA นั้นก็คือความล้มเหลวในการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานที่เป็นข้าราชการ ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ทำด้วยใจจึงทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นที่เยอะมาก และประเทศที่จัดตั้ง SARA นี้เป็นกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาในทวีปละตินอเมริกา ทวีปแอฟริกาและทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่จัดตั้ง SARA ขึ้นปัญหาต่างๆก็ถูกคลี่คลายลง แต่ก็เกิดปัญหาอื่นขึ้นมาแทนเพราะจากการถูกควบคุมและจับตามองมากเกินไป
วิเคราะห์การก่อตั้ง SARA ในไทย
อย่างแรกคือไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยุบทั้งสามกรมให้เหลือเป็น SARA เพียงอย่างเดียว และเรายังไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าสัดส่วนของคนในองค์กรเป็นเท่าไหร่ มีคนมากน้อยเพียงใดและสามารถบริหารจัดการได้ดีมากน้อยแค่ไหน
อย่างที่สอง การศึกษาระบบ SARA เพื่อก่อตั้งนานไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแทรกองค์กรหนึ่งเพื่อมาแทนที่อีกองค์กรหนึ่ง โดยต้องระบุมาตรการต่างๆรวมไปถึงสิ่งต่างๆที่ต้องสอดคล้องกับกฏหมายของไทยด้วยรวมไปถึงข้อตกลงกับประชาชนทั่วไป
มองดูการแก้ไขปัญหาที่ไม่จำเป็นต้องใช้ SARA
เมื่อเรารู้ว่าเราเสียภาษีที่มากมายขนาดนั้น แน่นอนว่าเป็นการทำให้ราคาสิ่งของแพงเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ยิ่งเราซื้อของมาก เราก็ยิ่งเสียภาษีมาก คนทั่วไปจึงเริ่มที่จะซื้อของกันลดน้อยลงแต่ในทางกลับกันถ้าลองลดภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ลงล่ะ สินค้าต่างๆก็จะถูกลง แต่รายได้คนทั่วไปมีเท่าเดิม ก็จะทำให้คนทั่วไปเริ่มอยากออกมาจับจ่ายใช้สอยเงินกันมากขึ้น จึงทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดี และไม่เพียงแต่เศรษฐกิจเท่านั้น ยังรวมไปถึงนักธุรกิจที่ได้กำไรมหาศาล บางครั้งถ้าเลือกที่จะลดภาษีนิติบุคคลแล้ว เหล่านักธุรกิจก็จะมั่นใจที่จะนำกำไรมาสร้างจ้างแรงงานเพิ่มเข้ามาได้อีกมากเลยทีเดียว
อีกทั้งประเทศไทยนั้นมีระบบเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยเหมือนประเทศอื่น จะให้แก้ไขปัญหาด้วยวิธีเดียวกับประเทศนั้นทำได้ค่อนข้างยาก ทางที่ดีควรค่อยเป็นค่อยไปและค่อยๆปรับจะดีกว่า