หลายคนลงทุนเพียงแค่ได้คิดคนอื่นมาชักชวน บอกว่าควรลงทุนในตัวนั้นตัวนี้แล้วดี เกิดการคล้อยตาม ฟังแล้วเชื่อ แล้วก็ขาดทุน อย่างนี้เรียกว่าลงทุนด้วยหู คือใช้หูฟังอย่างเดียวแล้วลงทุน แต่เชื่อเถอะครับว่า ไม่มีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคนไหน ลงทุนแบบแค่ฟังตามๆ กันมาแล้วรวยได้หรอก
โดยพื้นฐานคนเรามักมองหา โอกาสหาเงิน โอกาสที่จะสามารถหาเงินได้มากขึ้น รวยและมั่งคั่งมากขึ้น และแน่นอนว่าการลงทุนก็เป็นหนึ่งในช่องทางที่ทำให้พวกเราสามารถรวยขึ้นได้จริงๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตามก็ยังมีแค่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้คนส่วนใหญ่ลงทุนแล้วไม่ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ เขาเหล่านั้นไม่รู้ว่า เขาต้องรู้อะไร? และตราบใดที่เขายังคงไม่รู้อยู่อย่างนี้ พวกเขาก็จะเป็นคนที่ขาดทุนในตลาดทุนอยู่ร่ำไป
มาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้แล้วใช่มั้ยล่ะครับว่า การที่เราจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จนั้น เราต้องรู้อะไรบ้าง?
3 เรื่องที่ต้อง สู่การลงทุนที่ประสบความสำเร็จมีดังนี้
1. รู้จักตนเอง :
หลายคนอาจบอกว่า ฉันย่อมต้องรู้จักตัวเองอยู่แล้วสิ ใครจะบ้าไม่รู้จักตัวเองกันล่ะ! ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้หมายถึงว่า คุณเป็นใคร มาจากไหน หรือทำอะไร ที่บอกว่าคุณต้องรู้จักตัวเอง นั่นหมายถึงคุณต้องตอบคำถาม 3 ข้อนี้ให้ได้ก่อนที่จะลงทุน นั่นก็คือ
- คุณลงทุนเพื่ออะไร :
แน่นอนครับว่า ทุกคนลงทุนเพื่อให้ได้เงินเพิ่มมากขึ้น ถ้าอย่างนั้นลองถามตัวเองเพิ่มเติมอีกหน่อยดีมั้ยครับว่า ทำไมถึงอย่างได้เงินเพิ่มขึ้น ยิ่งคุณมีคำอธิบาย หรือสาเหตุของความปรารถนาของคุณได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ คุณย่อมมีโอกาสไปถึงเป้าหมายทางด้านการเงินของคุณมากขึ้นเท่านั้น
- คุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน :
นี่คือคำถามสำคัญข้อนึงที่นักลงทุนหลายต่อหลายคนมองข้าม การลงทุนโดยปราศจากการประเมินตนเอง ก็เหมือนนักรบที่ออกศึกโดยไม่ใส่เกราะป้องกัน ถือว่ามีความประมาทอย่างยิ่ง ซึ่งความประมาทนั้นแหละ ที่เป็นหนทางสู่ความตาย จริงอยู่ที่ทุกๆ การลงทุนล้วนมีความเสี่ยง แน่นอนว่าถ้าคุณไม่ยอมเสี่ยงเลย คุณย่อมไม่ได้ในสิ่งที่คุณหวังไว้ แต่การที่คุณลงทุนโดยไม่ได้คิดถึงความเสี่ยงเลย นั่นแหละที่ทำให้การลงทุนของคุณมีความเสี่ยงยิ่งขึ้น ลองคิดดูว่าสมมติบอกว่าคุณเงินทุนอยู่ 10,000 บาท แล้วคุณก็ลงทุนไปทั้ง 10,000 บาท แต่ปรากฏว่าคุณกลับขาดทุน นั่นเท่ากับว่าคุณไม่สามารถทำอะไรได้ จะลงทุนอย่างอื่นก็ไม่ได้ เพราะทุ่มทุนไปกับการลงทุนนี้ไปแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ในระหว่างนั้นหากคุณยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน เช่น คุณป่วยกะทันหัน ไม่สบาย หรือมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินบางอย่าง ซึ่งเงินที่คุณพอจะมีอยู่ก็คือเงิน 10,000 บาทก้อนนั้นที่คุณลงทุนไปจนหมด คุณจะทำอย่างไร?
ดังนั้นการลงทุนที่ดี คุณต้องคิดเอาไว้เลยว่าคุณสามารถรับความเสี่ยงได้สูงสุดเท่าไหร่ ลองคิดว่าดูว่าเงินก้อนนั้นที่คุณจะลงทุน ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่สุด คุณขาดทุนไปทั้งหมด การขาดเงินก้อนนี้ไป จะส่งผลกระทบอะไรกับคุณมากน้อยแค่ไหนคุณ และคุณจะสามารถยอมรับได้หรือไม่ ถ้าคุณเสียเงินก้อนนี้ไปทั้งก้อน
- ผลตอบที่คุณต้องการ :
บางคนลงทุนโดยที่ไม่เคยคาดการณ์เลยว่า จะได้ผลตอบแทนกลับมาเท่าไหร่ เห็นเขาว่าดีกัน ก็เลยลงทุนตามๆ กันไป จริงๆ แล้ว คำถามข้อนี้ก็เป็นคำถามที่สำคัญมากเช่นกัน เพราะผลตอบแทนที่คุณต้องการ จะนำคุณไปสู่การหาเครื่องมือที่ใช้ในการลงทุนที่เหมาะสม ก่อนลงทุนต้องคิดไว้เลยครับว่า ผลตอบแทนที่ต้องการนั้น อยากได้ที่กี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี ต่อเดือน หรือต่อวัน?
อ่านเพิ่มเติม >> อยากประสบความสำเร็จ รู้จักตัวเองดีหรือยัง ? <<
2. รู้จักเครื่องมือ :
เมื่อคุณรู้จักตัวเองดีแล้ว ลำดับต่อมา คุณต้องมาทำความรู้จักกับเครื่องมือที่ใช้ในการลงทุน นั่นก็คือ สินทรัพย์ (Asset) ต่างๆ นั่นเอง ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้แหละที่จะเป็นเหมือนเครื่องผลิตเงิน (Money Machine) ให้กับคุณ ซึ่งสินทรัพย์แต่ละอย่างย่อมมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป ให้ผลตอบแทนที่แตกต่าง และมีความเสี่ยงแตกต่างกันไปด้วย หากคุณได้ถามคำถามตัวเองไปแล้วข้างต้น คุณย่อมรู้แล้วว่าคุณสามารถยอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน และต้องการผลตอบแทนเท่าไหร่ คำตอบของคุณย่อมนำมาสู่การเลือกเครื่องมือที่ใช้ในการลงทุน อย่างเช่นหากคุณสนใจการลงทุนในอสังหาหาฯ แต่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ ก็อาจจะเริ่มที่การทำอพาร์ทเม้นท์ เพราะเป็นสินทรัพย์ในกลุ่มอสังหาฯ ที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด แต่ผลตอบแทนก็อาจน้อยลงไปด้วย เป็นต้น การที่คุณไม่รู้เลยว่าคุณกำลังลงทุนกับอะไรอยู่ สินทรัพย์ของคุณนั้นสามารถให้ผลตอบแทนได้แค่ไหน รวมถึงมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ขอให้คุณรู้ไว้ว่าคุณกำลังทำให้การลงทุนของคุณนั้นตั้งอยู่บนความเสี่ยง ซึ่งจะนำพาคุณไปสู่การขาดทุนได้ในที่สุด
3. รู้จังหวะเวลาที่เหมาะสม :
กูรูบางท่านได้บอกว่า “จังหวะเวลาคือทุกสิ่ง” การลงทุนที่แย่ที่สุดคือการลงทุนที่แห่ทำตามๆ กัน อย่างทำร้านกาแฟ ก็เปิดตามๆ กัน จนเกิดสภาวะสินค้าล้นตลาด (Over Supply) ซึ่งก็จะทำให้มูลค่าลดลง และสามารถทำกำไรได้ยาก อย่างไรก็ตามถ้าคุณรู้จักตัวคุณเองดีแล้ว และรู้จักเครื่องมือดีแล้วล่ะก็ คุณย่อมจะมองเห็นโอกาสมากกว่าคนอื่น เพราะคุณมีความรู้มากกว่าคนอื่น มีความเข้าใจในสิ่งที่คุณลงทุนมากกว่าคนอื่น มันจะทำให้คุณกล้าที่จะลงมือทำ ในขณะที่คนอื่นกำลังกลัว และนั่นคือช่วงเวลาที่เหมาะสม
ก่อนลงทุน อย่าลืม 3 รู้นี้นะครับ รู้จักตัวเอง รู้จักเครื่องมือ และรู้จังหวะเวลาที่เหมาะสม สิ่งเหล่านี้ที่เป็นแต้มต่อให้กับคุณ และจะนำคุณไปสู่การเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้ครับ