ถามกันเลยว่า ข้อคิดจากเหล่าคนดัง หรือคนที่ประสบความสำเร็จ ที่มีการเผยแพร่กันทั่วไปนั้น ใครทำตามได้บ้าง หรือมีใครลองทำตามบ้างไหม และเคยคิดกันไหมว่าเขาประสบความสำเร็จเพราะทำแบบนี้ คิดแบบนี้จริงหรือไม่ หรือมีปัจจัยอื่นๆประกอบ ลองมาวิเคราะห์กันไหม หรือใครเคยเจอคนที่คิดตามแนวคิดแบบนี้แล้วคนๆนั้นเป็นยังไงประสบความสำเร็จหรือเปล่า ลองมาแชร์และเล่าสู่กันฟัง
Mark Zuckerberg เจ้าของเฟสบุ๊คที่ฮิตกันทั่วโลก ได้เปิดเผยว่า เขามักจะใส่เสื้อสีเทาแบบเดิมเสมอ แน่นอนว่ามีคนทำตาม และคิดว่ามันคือส่วนหนึ่งของการช่วยให้ประสบความสำเร็จ และมันน่าฉงนตรงที่มีคนที่ใส่เสื้อแบบเดิมๆซ้ำกันทุกวันแล้วประสบความสำเร็จแบบ Mark Zuckerberg หรือ Mark Zuckerberg อาจจะดูตัวอย่างจากเขามาและเขาคนที่ว่าก็คือ Steve Jobs กับเสื้อสีดำที่มักจะเห็นเขาใส่เสมอไม่ว่าจะออกสื่อไหนๆก็ตาม ทำให้หลายๆคนคิดว่านี่เป็นเทรนด์ของคนที่ประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน นอกจากนี้ยังมีคนดังในทางการเมืองอย่าง Obama ก็นิยมใส่เสื้อแบบเดียวกันทุกวันด้วย แต่มันจะเกี่ยวข้องไหมความสำเร็จกับการแต่งตัว เพราะอย่างนักธุรกิจดังๆในไทยที่ประสบความสำเร็จในบ้านเราบางคนนั้นยิ่งกว่าหลุดมาจากแมกกาซีนด้วยซ้ำ แล้วทำไมถึงมีการวิเคราะห์กันว่า การใส่เสื้อแบบเดิมเหมือนๆกันจะประสบความสำเร็จ
คำตอบมันอยู่ที่มีนักจิตวิทยาวิเคราะห์กันว่า พวกเขาเหล่านั้นตัดทอนรายละเอียดที่ปลีกย่อยและคิดว่าไม่สำคัญออกจากชีวิต พูดง่ายๆคือ ไม่ใส่ใจกับเรื่องเสื้อผ้ามากนักอะไรที่ใส่ได้และไม่ผิดกาลเทศะก็เลือกใส่แบบนั้นและทำให้มันง่ายขึ้นด้วยการเลือกซื้อแบบเดิมๆทีละเยอะๆ เป็นเหมือนยูนิฟอร์มของตัวเอง ซึ่งภาษาของนักจิตวิทยาจะเรียกว่า Decision Fatigue หรือสิ่งทีทำให้กลุ้มหรือเกิดความเครียด และทั้งสามคนที่ยกตัวอย่างมานั้น จัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีลำดับความคิดที่เสี่ยงต่อการเครียดเพราะต้องคิดที่จะพัฒนาผลงานหรือเจอเรื่องหนักๆกันตลอดเวลา
ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงเลือกตัดเรื่องที่ไม่ควรต้องคิดออกจากชีวิตเพื่อให้มีเวลาใช้สมองคิดงานได้มากขึ้นนั่นเอง ทีนี้คงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าการใส่เสื้อแบบเดิมๆทุกวันไม่ใช่แนวคิดที่ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างที่มีคนทำตามอยู่ หรือคิดจะทดลองทำเพราะนีมันแค่การลดทอนเรื่องที่ต้องคิดแบบไร้สาระเท่านั้นเอง
“ความสำเร็จคือครูที่แย่มาก เพราะมันล่อลวงคนฉลาดให้คิดว่าพวกเขาไม่มีวันล้มเหลว.”
คำคมจาก บิลล์ เกตต์ นักธุรกิจชื่อดังชาวอเมริกัน หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เชื่อว่าหลายคนคงเคยผ่านตากับประโยคนี้มาบ้างเพราะมีการแพร่หลายกันพอสมควร ซึ่งอาจแล้วเคยคิดตีความและวิเคราะห์กันไหมว่าคำคมแนวคิดนี้สื่อความหมายอย่างไร หลายๆคนอยากประสบความสำเร็จแม้แต่ตัว บิลล์ เกตต์ เองก็อยู่ในกลุ่มของคนที่ประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ
แต่สิ่งที่เขาคิดและบอกกล่าวออกมาทำไมคือประโยคนี้ หากให้ลองคิดเล่นๆแปลความหมายก็น่าจะหมายถึง ความสำเร็จคือกับดักของคนที่คิดว่าฉลาดและอยากประสบความสำเร็จ เพราะคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงจุดหมายหรือประสบความสำเร็จนั้นส่วนใหญ่มักจะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมากเกินกว่าจะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ ยิ่งหากเดินมาถึงจุดที่คิดว่าประสบความสำเร็จแล้วจะเหมือนว่าตัวเองอยู่สูงกว่าคนอื่นและแน่นอนว่ามันคือทางที่จะพาไปสู่ความล้มเหลวได้เช่นกัน เพราะในความเป็นจริงการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องผ่านอะไรมากมาย ทั้งการลองผิดลองถูก การล้มเหลวและความผิดพลาด
ซึ่งบางคนเมื่อถึงจุดที่เป็นความสำเร็จหลายๆคนมักลืมความล้มเหลวที่ผ่านมาหลายๆคนรีเซตสมองตัวเองใหม่ให้จำแต่ความสำเร็จไม่จำเรื่องที่ล้มเหลวและก้าวไปด้วยความเชื่อมั่นของตนเองโดยไม่ฟังคำแนะนำคำท้วงติง ต่างจากตอนที่เจอแต่ปัญหาและเจอแต่ความล้มเหลวซึ่งตอนนั้นใครบอกอะไรก็ฟังหมดทุกอย่าง ทำตามทุกอย่างเพื่อให้ไปถึงจุดหมาย
บางครั้งคำคมหรือความคิดของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนดังคนที่ก้าวไปสู่จุดสูงสุดของการประกอบอาชีพนั้นๆ หรือทำสิ่งที่ใครๆก็ทำไม่ได้นั้น บางอย่างเราสามารถเอามาเป็นแนวคิดเป็นข้อคิดได้ บางอย่างทำเหมือนเขาก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จแบบเขาแต่ที่แน่ๆคือการที่จะประสบความสำเร็จได้มันต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างหลายๆทางจึงจะไปถึงจุดหมายที่ต้องการได้