หลายท่านอาจสงสัยว่าบัตรเครดิตมีความจำเป็นต่อใครบ้าง บัตรเครดิตนั้นจริง ๆ แล้วก็คือการสร้างหนี้สินให้แก่ตนเอง เมื่อคิดอยากสมัครใช้บริการบัตรเครดิตแต่ละประเภทก็เท่ากับว่ายินยอมพร้อมใจรับสภาพการเป็นหนี้แล้ว บางคนใช้บัตรเครดิตเปรียบเสมือนการยืมเงินมาใช้ก่อน คือ มีความสามารถคืนเงินที่ยืมมาภายในกำหนดที่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่กับบางคนเมื่อมีบัตรเครดิตก็มักลืมตัวใช้จ่ายจนเพลิน เมื่อยอดหนี้มาถึงจึงจะรู้สึกตัวว่าเป็นลูกหนี้ที่มีหนี้ก้อนโตเสียแล้ว
สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดได้กับบุคคลทุกคน ทุกฐานะ ทุกอาชีพ หากไม่มีนิสัยในการใช้จ่ายที่รู้จักประมาณตนเองหรือไม่มีการวางแผนการใช้เงินที่ดี ในส่วนของเจ้าของกิจการหรือเจ้าของธุรกิจ หากเป็นธุรกิจที่มีสภาพคล่องแล้วความต้องการใช้งานบัตรเครดิตอาจจะมีน้อยมาก แต่หากเป็นธุรกิจที่มีเงินหมุนน้อย อาจประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้ บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจมีความสำคัญเพราะจะเป็นตัวช่วยผลักดันให้ธุรกิจสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคด้านการเงินไปได้
อ่านเพิ่มเติม >> ข้อเปรียบเทียบระหว่าง มนุษย์เงินเดือน กับ นักลงทุน <<
ความต้องการใช้บัตรเครดิตที่แตกต่างกันระหว่างมนุษย์เงินเดือนและเจ้าของธุรกิจ
มีความแตกต่างกันอยู่มากพอสมควรสำหรับความต้องการการใช้บัตรเครดิตระหว่างมนุษย์เงินเดือนกับการใช้บัตรเครดิตของเจ้าของธุรกิจ มนุษย์เงินเดือนมักใช้บัตรเครดิตเพื่อนำมาใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อตอบสนองความต้องการด้านปัจจัยสี่และความต้องการในการท่องเที่ยว ในส่วนนักธุรกิจนั้นจะใช้บัตรเครดิตเพื่อนำเงินมาพัฒนาและทำให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าขึ้น เมื่อธุรกิจไปได้ดีและมีสภาพคล่องมากแล้วบัตรเครดิตจะไม่จำเป็นสำหรับพวกเขาเลย เรียกว่านักธุรกิจมักจะใช้บัตรเครดิตเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น ในเรื่องความเสี่ยงนั้นไม่ว่าผู้ถือบัตรจะมีอาชีพเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือเจ้าของธุรกิจหากใช้จ่ายอย่างไม่วางแผน หนี้สินจากบัตรเครดิตก็จะเพิ่มมากขึ้นได้เฉกเช่นเดียวกัน
มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ชอบใช้เงินเกินตัว เกิดเหตุการณ์เงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลังเสมอ
เพราะด้วยขาดการวางแผนจัดการเงินที่ดี อยากกินใช้อะไรก็จะทำอย่างไม่คิด เมื่อเงินขาดมือมักเลือกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพราะคิดว่าเดี๋ยวค่อยใช้คืนเมื่อเงินเดือนออก เมื่อมียอดหนี้สะสมมากขึ้น ในขณะที่ต้องกินต้องใช้และต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ชักหน้าไม่ถึงหลัง หากลองสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายบัตรเครดิตของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ส่วนใหญ่จะมีหนี้บัตรเครดิตมากกว่ารายได้อยู่หลายเท่าตัว ทำให้สภาพคล่องของมนุษย์เงินเดือนฝืดเคือง
นักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการใช้จ่ายบัตรเครดิตอย่างระมัดระวัง
บัตรเครดิตที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวจะถูกแยกออกจากบัตรเครดิตธุรกิจ เพราะด้วยการวางแผนมาเป็นอย่างดีเกี่ยวกับการใช้เงิน นักธุรกิจจึงสามารถแยกการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ไม่นำส่วนใช้จ่ายในเรื่องส่วนตัวมารวมกับการใช้จ่ายสำหรับธุรกิจ แม้ว่ายอดหนี้บัตรเครดิตของนักธุรกิจจะมากกว่าการใช้งานบัตรเครดิตของมนุษย์เงินเดือนทั่วไป แต่เพราะด้วยการจัดสรรปันส่วนที่ดีทำให้สามารถชำระหนี้สินได้อย่างรวดเร็ว ได้เงินไปใช้หมุนในธุรกิจโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยและนักธุรกิจส่วนใหญ่เมื่อธุรกิจมีสภาพคล่องตัวแล้วจะยิ่งเพิ่มการใช้หนี้ให้มากยิ่งขึ้นเพื่อให้หนี้สินหมดเร็วที่สุด หลังจากนั้นนักธุรกิจทั้งหลายจะใช้เงินภายในธุรกิจเป็นเงินหมุนเวียนแทนและไม่พึ่งบัตรเครดิตอีกต่อไป แม้ว่าพวกนักธุรกิจจะสามารถสมัครบัตรเครดิตได้ทุกสถาบันการเงินและจะสมัครกี่ใบก็ได้ เนื่องจากมีเงินหมุนในธุรกิจเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิต อีกทั้งแต่ละสถาบันการเงินก็มักจะยื่นข้อเสนอต่าง ๆ ให้มากมาย แต่เมื่อบัตรเครดิตไม่มีความจำเป็นสำหรับนักธุรกิจแล้วพวกนักธุรกิจเหล่านี้ก็จะไม่สนใจสมัคร เนื่องจากพวกเขาเล็งเห็นว่าการใช้บัตรเครดิตเป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พวกเขาไม่นิยมทำกัน
มนุษย์เงินเดือนมักจะเหนียวหนี้ต่างจากนักธุรกิจที่ไม่ชอบการเป็นหนี้นาน ๆ
มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่เวลาที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมักจะไม่ค่อยคิดอะไร แต่เมื่อยอดชำระหนี้สินมาถึงก็เกิดความเครียด เงินที่หามาทั้งเดือน แต่จะต้องหมดไปกับการใช้หนี้เลยเลือกใช้หนี้ในจำนวนที่น้อยที่สุดเพื่อที่ตนเองจะได้เหลือเงินไว้ใช้จ่ายให้มากขึ้น แต่การเลือกชำระหนี้บัตรเครดิตแบบขั้นต่ำนั้นจะเป็นการเพิ่มดอกเบี้ยให้สูงขึ้น ทำให้ยอดหนี้ไม่ลด ยิ่งจ่ายน้อยจ่ายช้ายอดหนี้ก็จะเพิ่มมากขึ้น หนี้สินบัตรเครดิตของมนุษย์เงินเดือนจึงเหมือนกับว่าไม่มีวันลดลงเลยเพราะความเหนียวหนี้ ตอนสร้างหนี้ไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่พอตอนต้องชำระ กลับไม่อยากชำระหนี้ ซึ่งพฤติกรรมเหนียวหนี้นั้นเป็นพฤติกรรมที่ต่างจากนักธุรกิจที่เมื่อนำเงินจากบัตรเครดิตมาใช้งานเพื่อใช้ประโยชน์ในธุรกิจ เมื่อธุรกิจอยู่ตัว นักธุรกิจจะพยายามชำระหนี้สินให้หมดโดยเร็ว
หลายท่านอาจจะคิดว่าเพราะนักธุรกิจมีเงินเยอะแล้ว จึงสามารถปิดยอดบัญชีหรือหนี้สินบัตรเครดิตได้อย่างสบายแตกต่างจากมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้แบบตายตัว ความเป็นจริงแล้วนักธุรกิจที่พึ่งพาการใช้งานบัตรเครดิตก็เพราะว่าขาดทุนทรัพย์ใช้หมุนเวียนในธุรกิจของพวกเขา จึงเลือกสร้างหนี้เพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจของตนเอง แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงที่สูงมาก แต่ดำเนินการธุรกิจตามแผนการเงินที่วางไว้อย่างถูกต้อง ก็สามารถช่วยพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาทำผลกำไรได้อย่างรวดเร็ว มนุษย์เงินเดือนมีรายรับที่ตายตัวแต่มักใช้จ่ายที่เกินตัว หากคุมค่าใช้จ่ายของตนเองให้ได้ไม่ว่า นักธุรกิจ กับ มนุษย์เงินเดือน ก็สามารถชำระหนี้บัตรเครดิตให้หมดไปได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างกัน