คงไม่มีใครอยากเป็นหนี้ และไม่มีใครชอบการถูกทวงถามหนี้อยู่บ่อย ๆ เพราะมีแต่จะสร้างความเครียดและความทุกข์ใจในการดำเนินชีวิตประจำวัน ภาวะหนี้ท่วมตัวในปัจจุบันไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มอาชีพใดเป็นพิเศษ ใคร ๆ ก็สามารถตกเป็นหนี้กันได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะลูกจ้างรายวันรายได้ 300 บาท แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง นักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มก้าวเข้าสู่คนวัยทำงาน พนักงานบริษัทเอกชนที่มีรายได้ระดับ 3 หมื่นบาท ตลอดจนเจ้าของกิจการ ต่างก็ไม่สามารถข้ามผ่านวังวนของหนี้บัตรเครดิต และ หนี้บัตรกดเงินสดทั้งหลายไปได้หากยังมีพฤติกรรมการใช้เงินที่ไม่มีการวางแผนอย่างรัดกุม สำหรับผู้ที่พลาดพลั้งตกเป็นหนี้ไปแล้ว แนวทาง ปลดหนี้ ที่สามารถทำได้จริงจะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่พามนุษย์หนี้ออกมาสู่ความมั่งคั่งทางการเงินแบบถาวรด้วยตนเอง
วิธีแก้ปัญหาหนี้แบบผิด ๆ
ที่มนุษย์หนี้หน้าใหม่มักจะหลวมตัวใช้เพื่อแก้ปัญหานี้ แต่กลับกลายเป็นว่าปัญหาหนี้นั้นถลำลึกลงไปกว่าเดิมก็คือ การหมุนเงินจากบัตรใบนั้นมาจ่ายบัตรใบนี้เพื่อชำระยอดขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ แต่การชำระหนี้ด้วยวิธีนี้ไม่เพียงเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวแบบขายผ้าเอาหน้ารอดเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มภาระหนี้ก้อนใหม่ให้กับชีวิตเข้าไปอีก ทางที่ดีควรตั้งสติและเริ่มจดรายการหนี้สินที่มีทั้งหมดออกมาโดยจำแนกว่า
- แต่ละหนี้สินนั้นมาจากสถาบันการเงินไหนบ้าง
- ระบบการคิดอัตราดอกเบี้ยของบัตรแต่ละใบเป็นอย่างไร
- ยอดหนี้รวมทั้งหมดของแต่ละรายเจ้าหนี้คือเท่าไหร่
- มีค่าธรรมเนียม หรือค่าติดตามทวงหนี้หรือไม่
ทั้งนี้ควรทำออกมาเป็นตารางในหน้ากระดาษเดียวกันเพื่อให้เห็นภาพรวมของหนี้สินและความแตกต่างของดอกเบี้ยและเงินต้นในแต่ละบัตรได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็มาถึงช่วงของการทำงบดุลบัญชีรายรับและรายจ่ายของตนเอง เพื่อได้รู้ช่องโหว่ของบัญชีเงินตนเองว่าในแต่ละเดือนเราหมดค่าใช้จ่ายไปกับเรื่องอะไรมากที่สุด เช่น ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าสาธารณูปโภค หรือว่าค่าทำสปาผิว ดังนั้น การทำบัญชีจึงเปรียบเสมือนกระจกเงาที่ช่วยสะท้อนให้เราเห็นว่าเงินรายได้หายไปไหน การทำบัญชียังช่วยใหคุณสามารถตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นอะไรออกเป็นลำดับแรก
อ่านเพิ่มเติม >> ปลดหนี้ระยะยาว ทำอย่างไร ? <<
แท้ที่จริง สิ่งที่ทำให้คนเราติดกับดักหนี้สินเกินตัว เพราะมักไปนึกถึง แต่ยอดเงินเดือนเต็มที่ได้รับโดยไม่ได้คำนึงถึงว่ารายจ่ายประจำที่มีอยู่เดิมมีเท่าไหร่ เมื่อนำรายได้หักลบรายจ่ายแล้วเหลือเงินใช้จ่ายได้อีกเท่าไหร่ หลักการบริหารเงินที่ควรศึกษาเพิ่มก็คือ
- หากมี รายได้ต่อเดือนอยู่ที่ระดับ 15,000 บาท สัดส่วนรายจ่ายทั่วไปโดยเฉลี่ยจะราว ๆ 70 – 80% ของรายได้ทั้งหมด
- ซึ่งเท่ากับว่าจะ เหลือเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพียง 3,000 บาท เท่านั้น
- หรือในกรณีที่รายได้สูงขึ้นมาที่ระดับ 30,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายโดยรวมจะเป็น 60% หรือก็คือเหลือเงินไว้ใช้จ่ายอีก 12,000 บาท ซึ่งนั่นควรเป็นเงินสำหรับการออมและการลงทุนในอนาคตมากกว่า
แต่ถ้าหากพิจารณารายจ่ายต่าง ๆ แล้วไม่สามารถตัดทอนลงได้อีก ก็จำเป็นต้องสร้างรายได้เสริมเพิ่มมาแทน ปัจจุบัน รายได้ที่สามารถนำมาพยุงค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องลงทุนด้วยตัวเงินมากนักก็คือรายได้จากงานอดิเรก เช่น ผู้ที่มีความสามารถในการเล่มเกมบางคนก็หันมาเขียนรีวิวเกม หรือ เขียนวิธีเล่นเกมเพื่อให้ได้คะแนนสูง ซึ่งสามารถทำรายได้ต่อเดือนเป็นหลักหมื่นบาทก็มี หรือ ในผู้ที่มีความสามารถทางการถ่ายภาพก็อาจลองนำรูปถ่ายออกขายในเว็บไซด์รับเงินหลักหลาย ๆ พันต่อเดือนได้อีกทางหนึ่ง
ย้อนกลับมาที่หน้ากระดาษรายเจ้าหนี้ที่เราบันทึกออกมานั้น แนวทาง ปลดหนี้ ที่สามารถทำได้จริงสำหรับในกรณีที่มียอดค้างชำระหลาย ๆ ใบ คือ ให้เลือกชำระรายที่มียอดค้างมากที่สุดก่อน โดยเลือกแบ่งเงินออกมาชำระในสัดส่วนที่มากกว่าหนี้ก้อนอื่น ๆ ในแต่ละเดือน สำหรับหนี้ที่ยอดน้อยลงมา หากเป็นไปได้ให้ชำระสูงกว่ายอดเงินขั้นต่ำบ้างเพื่อจะได้ลดระยะเวลาการเป็นหนี้ให้สั้นลงมา แต่ถ้ายังไม่ไหวก็ค่อย ๆ จ่ายต่อไป หรือจะจ่ายสูงขึ้นกว่ากำหนดในบางเดือนก็ยังดี แต่ในกรณีที่การชำระหนี้กระทบต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ก็อาจจะพิจารณาข้อเสนอเรื่องการรีไฟแนนซ์ โดยต้องวิเคราะห์ดอกเบี้ยให้มีอัตราน้อยกว่าอัตราเดิมที่ได้รับอยู่ สมมุติว่า ติดภาระหนี้บัตรเครดิตอยู่ทั้งหมด 3 ใบก็ไม่จำเป็นต้องรีไฟแนนซ์ใหม่ทุกใบ แต่ให้เลือก 2 ใน 3 ก็พอ เพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น วิธีการนี้จะช่วยให้จ่ายหนี้ได้จริงและยังมีเงินเหลือ แต่ทั้งนี้ ต้องยอมรับสภาพภาระหนี้ที่ขยายเวลานานมากขึ้นไปด้วย เช่น จากเดิมต้องชำระ 20 เดือนก็อาจจะกลายเป็น 42 เดือน เป็นต้น อย่างไรก็ดี สำหรับพนักงานบริษัทเอกชน หรือ ข้าราชการที่หน่วยงานมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สหกรณ์ หรือ กองทุนสวัสดิการพนักงาน นับเป็นการกู้ยืมจากแหล่งเงินทุนที่คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ๆ เป็นประโยชน์ต่อการปลดหนี้ไม่ใช่น้อย
นอกจากอุดรูรั่วของโรคทรัพย์จางด้วยการหักดิบค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นแล้ว มนุษย์หนี้ควรปิดประตูสู่การเป็นหนี้เสียแต่เนิ่น ๆ ด้วยการไม่พกบัตรเครดิตในกระเป๋า หากว่าต้องการปลดหนี้ให้ได้จริง เพราะการมีบัตรเครดิตอยู่ในมือก็เป็นเหมือนสิ่งล่อใจของคนภูมิต้านทานต่ำเผลอควักออกมารูดใช้จ่ายกับยอดเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เมื่อสะสมกันครบเดือนก็กลายเป็นหนี้ก้อนโตทุกที
จึงเป็นแนวทาง ปลดหนี้ ที่สำคัญผ่านคาถาพารวยที่ว่า “ใช้บัตรเครดิตหนี้ดอกสูงลิ่ว” มาช่วยสะกดใจ แม้จะมีรายการส่งเสริมการตลาดออกมาล่อตาว่าผ่อน 0% แต่อย่าลืมไปว่าถ้าหากคุณขาดการชำระตามกำหนดขึ้นมาเมื่อไร ก็เจอดอกเบี้ยเต็มสูบจัดหนักไปได้เช่นกัน หนทาง ปลดหนี้ ที่ทำได้จริงคือการไม่เพิ่มหนี้ใหม่ ไม่พกบัตรและไม่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตนั่นเอง