ด้วยในชีวิตปัจจุบันของเรามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรงหรืออุบัติเหตุ ถ้าหากเราอยู่ในฐานะที่มีเงินทองเหลือเฟือ … ดังนั้นการจ่ายเงินสำหรับเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งดูเหมือนจะไม่หนักหนามากเท่าไร แต่ในความเป็นจริงเราก็เป็นเพียงคนทำงานที่ได้เงินเดือนในแต่ละเดือนเท่านั้น ดีหน่อยก็อาจจะมีโบนัสมาบวกเพิ่มบ้าง แล้วถ้าเรามีครอบครัวด้วยแล้ว… ภาระทั้งหลายก็น่าจะหนักอยู่ไม่ใช่น้อย
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า จะมีประกันแบบไหนบ้างที่เหมาะกับแต่ละช่วงอายุ …
แรกเกิด-20 ปี
ที่แบ่งแบบนี้เพราะว่า เป็นช่วงอายุที่ยังไม่มีรายได้ประจำ อยู่ในวัยเรียนกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ประกันที่ควรทำในช่วงวัยนี้ก็น่าจะเป็น ประกันสุขภาพ ที่เป็นประกันที่ช่วยเราแบ่งเบาภาระเรื่องค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นคนไข้ในหรือคนไข้นอก ซึ่งก็แล้วแต่เราจะเลือก โดยค่าเบี้ยประกันภัยก็จะขึ้นอยู่กับอายุเช่นกัน ถ้าเป็นเด็กทารกแรกเกิดถึง 5 ปี ค่าเบี้ยก็จะแพงที่สุดเพราะเป็นวัยที่ภูมิคุ้มกันยังไม่มากพอ เจ็บป่วยได้ง่าย แต่ถ้าโตขึ้นมาหน่อยแล้วค่าเบี้ยประกันก็จะถูกลง
และประกันอีกอย่างที่ไม่ควรพลาด คือ ประกันอุบัติเหตุ แต่บางครั้งถ้าเข้าเรียนไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็มักจะทำประกันอุบัติเหตุให้กับนักเรียนและนักศึกษาอยู่แล้ว แต่ถ้าเราต้องการซื้อเพิ่มก็ควรที่จะดูเงื่อนไขในกรมธรรม์ก่อนซื้อ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการทำประกันที่ซ้ำซ้อนเกินไป
อ่านเพิ่มเติม >> เรื่องน่ารู้ของ ประกันอุบัติเหตุสำหรับนักเรียน <<
ช่วงอายุ 21-40ปี
เป็นวัยทำงานที่ส่วนใหญ่บริษัทที่เราไปทำงานนั้นมักจะมีสวัสดิการให้กับพนักงานอยู่แล้ว ดังนั้นการ เลือกทำประกัน สำหรับกลุ่มนี้ ก็ยังจะเป็นประกันสุขภาพเหมือนกันแต่ควรจะเลือกโปรแกรมที่เป็นการจ่ายส่วนที่สวัสดการของบริษัทไม่ครอบคลุมเท่านั้นก็เพียงพอ เพื่อเป็นการประหยัดค่าเบี้ยประกัน และที่จะขาดไม่สำหรับคนกลุ่มนี้ คือ การซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เพื่อนำมาใช้ลดหย่อนภาษี ซึ่งจะซื้อกรมธรรม์เป็นจำนวนเท่าไรนั้น ก็ต้องมาดูที่เงินได้ของเราว่าซื้อประกันสะสมทรัพย์เท่าไร จึงจะลดหย่อนภาษีได้คุ้มค่าที่สุด
เมื่อเป็นวัยทำงานแล้วประกันอีกประเภทหนึ่งที่เราอาจจะซื้อให้กับพ่อหรือแม่ของเรา ก็คือ ประกันภัยลูกกตัญญู ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่คนในช่วงวัยนี้อาจจะสนใจซื้อให้กับพ่อและแม่ของเรา และผลพลอยได้ที่จะได้รับอีกอย่างก็คือ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกทางหนึ่งด้วย
และถ้าหากเราอยู่ในช่วงปลายของกลุ่มนี้ คือ เมื่อมีอายุเข้าเลข 3 ประกันอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือ ประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่เป็นประกันแบบสะสมเงินเพื่อให้มีเงินไว้ใช้เมื่อเราไม่ทำงาน โดยจะจ่ายคืนเงินให้กับเราตั้งแต่ 55 ปี จนถึง 85 ปี และประกันประเภทนี้ก็ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีก แต่ก็จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนดด้วย เพราะว่าเราจะต้องนำค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปรวมกับการลดหย่อนประเภทอื่นๆ อีก ก่อนนำไปคำนวณภาษี
อ่านเพิ่มเติม >> แนวทาง ลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต <<
และเมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไป
เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายของชีวิตแล้ว การทำประกันทั้งหลายจะวนกลับไปเหมือนตอนช่วงแรกเริ่มของชีวิต เพราะเมื่อมีอายุมากขึ้นประสิทธิภาพของอวัยวะภายในก็จะลดลง การเจ็บป่วยก็เกิดขึ้นได้ง่าย และยิ่งในปัจจุบันเราไม่มีระบบบำนาญเหมือนสมัยก่อน ที่เจ็บป่วยยังไงก็ยังสามารถเบิกสวัสดิการจากที่ทำงานได้ แต่ตอนนี้เราต้องพึ่งพาตนเองมากขึ้น เพราะฉะนั้นการทำประกันสุขภาพก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนในวัยนี้ แต่ค่าเบี้ยประกันก็อาจจะแพงขึ้นสักหน่อย เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่ายิ่งอายุมากโรคก็ยิ่งมากตาม การเข้าโรงพยาบาลก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายอีกเหมือนกัน ประกันอุบัติเหตุก็ทำอีกเหมือนกัน เพราะช่วงวัยนี้การลุก การเดิน การนั่ง ก็ไม่คล่องแคล่วเหมือนก่อน อาจจะหกล้มได้ง่าย ร่างกายบาดเจ็บได้ง่ายอีกเช่นกัน
ทีนี้เราก็ลองมา เลือกทำประกัน ให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุของเราและคนใกล้ตัวเรากันดีกว่า
แต่ถ้ายังไม่รู้ จะเลือก ทำประกัน แบบไหน หรือ กรมธรรม์ไหนดี ลองดูเพิ่มเติม >> คลิกที่นี่