หากต้องการมีบัตรเครดิตสักใบ คงไม่ยากสักเท่าไหร่ เพียงแค่กรอกข้อมูลสมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์บริษัทบัตรเครดิตทางระบบอินเทอร์เน็ต หรือ เขียนใบสมัครบัตรเครดิตที่สถาบันการเงิน หรือ ตามบูทห้างสรรพสินค้าที่มีบริษัทบัตรเครดิตตั้งไว้ให้บริการ แต่เมื่อได้บัตรเครดิตมาแล้วการใช้บัตรเครดิตให้ถูกวิธีนับว่าเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะวงเงินเครดิตในบัตรเครดิตก็เหมือนวงเงินกู้ประเภทหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีการใช้จ่ายก็ย่อมต้องเสียต้นทุนทางการเงิน หรือดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมให้กับผู้ให้บริการ ดังนั้นผู้ใช้บริการบัตรเครดิต ควรต้องทราบรายละเอียดต่าง ๆ ก่อนการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการหรือเพื่อเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า เพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกใช้บริการได้อย่างเหมาะสมที่สุด
เมื่อการใช้จ่ายบัตรเครดิตเพื่อจ่ายชำระค่าสินค้าและบริการ ผู้ใช้จ่ายบัตรเครดิตจะไม่มีภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากการใช้วงเงินต่อเมื่อผู้ใช้บริการบัตรเครดิตจ่ายชำระยอดเงินคงค้างทั้งหมด ตามใบแจ้งยอดหนี้ ซึ่งบริษัทบัตรเครดิตให้ระยะเวลาปลอดชำระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเป็นระยะเวลา 45 วันนับจากวันสรุปยอดบัญชี แต่หากผู้ใช้บริการบัตรเครดิต ใช้บัตรเครดิตกดเงินสด ออกมาเพื่อใช้จ่ายในกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม ผู้ใช้บัตรเครดิตจะมีค่าใช้จ่ายการใช้วงเงินเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ทำรายการจนกว่าจะจ่ายคืนยอดค้างชำระทั้งหมดเสร็จสิ้น หากจะสรุปรายละเอียดค่าใช้จ่ายตั้งแต่การเริ่มทำบัตรเครดิตจนถึงการ ใช้บัตรเครดิตกดเงินสด จะมีรายการค่าใช้จ่าย ดังต่อไปนี้

ค่าธรรมเนียมแรกเข้า
เป็นค่าสมัครในใช้บริการบัตรเครดิต โดยส่วนใหญ่บริษัทบัตรเครดิตจะยกเว้นค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้กับผู้สมัครใช้บริการ เพื่อเป็นแรงจูงใจในการเลือกใช้บริการ
ค่าธรรมเนียมรายปี
เป็นค่าบริการจากการใช้บัตรเครดิต ที่บริษัทบัตรเครดิตให้บริการแก่ลูกค้าผู้ถือบัตร ทั้งสิทธิพิเศษที่ได้จากการใช้บัตรเครดิต หรือ การให้บริการจากบริษัทบัตรเครดิต ซึ่งถ้าเป็นบัตรเครดิตทั่วไปจะฟรีค่าธรรมเนียมรายปี แต่ถ้าเป็นบัตรเครดิตที่มีสิทธิพิเศษจากคู่สัญญาซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เช่น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นต้น (ประเภทบัตรเครดิต Royal Orchid บัตรเครดิต King Power ฯลฯ) หรือ เป็นบัตรเครดิตแบบ Signature ก็จะมีค่าธรรมเนียมรายปี โดยเฉลี่ยจะคิดประมาณ 500-30,000 บาทต่อปี (บางครั้งจะได้รับการยกเว้น หากใช้จ่ายบัตรเครดิตครบตามจำนวนเงินที่บริษัทบัตรเครดิตกำหนดไว้)
ดอกเบี้ยบัตรเครดิต
เป็นดอกเบี้ยที่เกิดจากการใช้วงเงินบัตรเครดิต ซึ่งสถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ยทุกกรณีเมื่อมีการใช้จ่าย (ยกเว้นการเรียกเก็บเมื่อชำระคืนหนี้ทั้งหมดภายใน 45 วันนับจากวันสรุปยอดบัญชี กรณีชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น)
อ่านเพิ่มเติม >> ดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดง่ายๆ ไม่เสียรู้ <<
ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน
เป็นค่าบริการที่เกิดจากการใช้วงเงินบัตรเครดิต ซึ่งสถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ยทุกกรณีเมื่อมีการใช้จ่าย เช่นเดียวกับดอกเบี้ยบัตรเครดิต
สถาบันการเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน
บัตรเครดิตประมาณ 10-20% ต่อปี ของยอดชำระ แต่โดยส่วนใหญ่จะคิดในอัตราสูงสุด คือ 20% ต่อปี เพื่อไม่ให้เกินอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ให้สถาบันการเงินเรียกเก็บจากผู้ใช้จ่ายบัตรเครดิต
ค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด
เป็นค่าบริการจากการเบิกใช้เงินสดของสถาบันการเงิน (บริษัทบัตรเครดิต) ซึ่งแต่ละสถาบันการเงินจะคิดแตกต่างกัน เช่น
- คิดค่าธรรมเนียม 3% ต่อปีของยอดเงินที่เบิกถอนในแต่ละครั้ง โดยยอดเงินขั้นต่ำในการเบิกถอนแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่า 1,000 บาท หรือ 2,000 บาท หรือ 3,000 – 5,000 บาท
- คิดค่าธรรมเนียมการเบิกถอน 200 บาทต่อรายการ
- คิดค่าธรรมเนียม 3 % ต่อปีของยอดเงินที่เบิกถอนในแต่ละครั้งในประเทศไทย
- คิดค่าธรรมเนียม 1 % ต่อปีของยอดเงินที่เบิกถอนในแต่ละครั้งในประเทศจีน
เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม >> วิธีคำนวณดอกเบี้ยกดเงินสดจากบัตรเครดิต <<
ค่าติดตามทวงถามหนี้
เป็นค่าใช้จ่ายที่สถาบันการเงินจะต้องใช้จ่ายเพื่อติดตามหนี้จากผู้ใช้จ่ายบัตรเครดิต เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าเอกสารใบแจ้งหนี้ต่าง ๆ ค่าใช้จ่ายในการจ้างหน่วยงานภายนอกในการติดตามหนี้ เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดของแต่ละสถาบันการเงิน เช่น คิด 88- 100 บาท/รอบบัญชี 100 บาทต่อครั้ง หรือตามที่ถูกเรียกเก็บ จากหน่วยงานภายนอก 260 บาท/เดือน ไม่คิดค่าบริการเลย เป็นต้น
ความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินเมื่อใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศ
เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ ณ วันที่เกิดรายการเบิกถอนเงินสดในต่างประเทศ กับ วันที่บริษัทบัตรเครดิตเรียกเก็บจากผู้ใช้บัตรเครดิต ซึ่งเมื่อทำรายการต่างวันกัน ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น ดังนั้นสถาบันการเงินจึงต้องคิดค่าเสี่ยงกรณีเกิดการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เช่น ไม่เกิน 2.5 % ของการใช้จ่าย หรือเบิกถอนเงินสดในต่างประเทศต่อครั้ง ไม่เกินร้อยละ 2 ของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
อัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำ
เป็นยอดชำระที่บริษัทบัตรเครดิตเรียกเก็บจากผู้ใช้จ่ายบัตรเครดิต ซึ่งผู้ใช้จ่ายบัตรเครดิตสามารถชำระยอดค้างชำระได้เต็มวงเงิน หรืออาจจะชำระเพียงขั้นต่ำที่บริษัทบัตรเครดิตแต่ละแห่งกำหนดไว้ เช่น ชำระ 10% ของยอดเงินรวมที่เรียกเก็บในแต่ละเดือน แต่ไม่ต่ำกว่า 500 บาท ชำระ 10% ของยอดเงินค้างชำระทั้งหมด เป็นต้น ซึ่งหากผู้ใช้บัตรเครดิตไม่สามารถชำระตามที่บริษัทบัตรเครดิตกำหนดไว้ได้ จะถือว่าผู้ใช้บัตรเครดิตผิดเงื่อนไขสัญญาตามที่ได้ตกลงไว้ตั้งแต่ที่ทำการสมัคร ซึ่งอาจทำให้บริษัทบัตรเครดิตสามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายการใช้วงเงินและการเบิกถอนเงินสดได้
ผู้มีบัตรเครดิตควรจะระมัดระวังในการเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิต เนื่องจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ค่อนข้างสูง หากมีความต้องการใช้เงินสด และมีหลักประกัน เช่น อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ บุคคลค้ำประกัน เป็นต้น ก็ควรกู้เงินสดจากสถาบันการเงินประเภทอื่น เช่น ธนาคารพาณิชย์ หรือ บริษัทรับจัดลิสซิ่ง เป็นต้น เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมในการใช้เงินสดล่วงหน้าลงได้มากพอสมควร
ถ้าต้องการเงินสด ใช้บัตรกดเงินสด คุ้มกว่า เพราะไม่มีค่าธรรมเนียมกดเงินสด กดฟรี ทุกตู้ สมัครเลย!