มักจะบอกตัวเองว่าไม่ใช่ กูรู เสมอ สำหรับ “โจ มณฑานี ตันติสุข “ ผู้ประกาศข่าวคนเก่ง ที่ในอดีตเคยมีหนี้สินมากมาย จากคนเกือบล้มละลาย ก้าวสู่แท่นผู้รู้หรือ “กูรู” ทางการเงิน ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เธอได้พบกับเหตุการณ์วิกฤตทางด้านการเงิน แต่อะไรที่ทำให้สาวร่างบางคนนี้ผ่านช่วงนั้นไปได้ และคอยมอบคำแนะนำ ข้อคิดการเงิน ดี ๆ ทั้งทางด้านการเงินและความสัมพันธ์ให้กับบุคคลรอบข้างเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนกับตัวเองในอดีตที่ผ่านมา
ชีวิตเกือบล้มละลาย ประสบการณ์ที่ต้องแก้ไข
ก่อนจะก้าวเข้าสู่การเป็นวิทยากร ชีวิตที่ผ่านมา เธอได้ผ่านบททดสอบสาหัสทางการเงินจนเกือบเข้าขั้นล้มละลาย แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่มีชื่อเสียง และคอยแนะนำด้านการเงินอย่างมืออาชีพ เธอบอกว่าการให้คำแนะนำเหล่านี้ไม่ใช่คำแนะนำจากกูรูแต่อย่างใด หากแต่เป็นหนึ่งเสียงของเธอที่เคยมีประสบการณ์ร่วมมากกว่า ซึ่งทุกคนสามารถเป็นครูของตัวเองได้ เธอบอกว่าไม่เชื่อในการสั่งสอนแบบสำเร็จรูป แต่เชื่อว่าแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันด้วยภูมิหลัง และสภาพจิตใจ ฯลฯ และมีความเป็นปัจเจก ทำให้เธอเองบอกว่าไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นครูหรืออาจารย์ของใคร แต่เป็นไปได้มากสุดคือ โค้ชที่ช่วยชี้แนะแนวทาง หรือไกด์ แต่ไม่ใช่ผู้ที่ชี้นำที่จะคอยบอกว่าใครต้องทำหรือไม่ทำอะไร
การเงินในอดีตกับชีวิตที่ฟุ่มเฟือยของครอบครัว
ภูมิทางการเงิน เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ถ้าไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะเรื่องการเงินนี้ ส่งผลกับนิสัยการใช้เงินของแต่ละคน ซึ่งเธอบอกว่า แต่ละครอบครัวก็มีวิธีการใช้เงินที่แตกต่างกัน บ้านของเธอเองก็ไม่ได้ปลูกฝังเรื่องการใช้เงินมากเท่าใดนัก หากแต่มีการออมบ้างแต่ก็บริหารเงินไม่เป็น โดยเฉพาะกับนิสัยการใช้จ่ายเงินของพ่อแม่ที่ทำให้ครอบครัวของเธอต้องลำบาก จากที่คุณพ่อของเธอเป็นลูกคนรวยและที่บ้านมีกิจการปั๊มน้ำมัน และโรงสี ทำให้มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่เมื่อลาออกจากราชการ คุณพ่อของเธอก็ผันตัวเองมาขับแท็กซี่ แม้จะมีรายได้ดีเงินดี แต่นิสัยการใช้เงินของคุณพ่อเธอแม้เงินดีแค่ไหนก็ไม่พอจ่าย เพราะใช้เงินหรูหรา ฟุ่มเฟือยเกินตัว แต่กระนั้นเธอก็บอกว่าข้อดีของคุณพ่อเอก็คือลูกเมียไม่เคยอด เพราะการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยทำให้คุณพ่อของเธอไม่มีเงินเก็บ เธอเล่าว่า เมื่อตอนเด็กๆ แม้เธอจะเป็นแค่ลูกคนขับแท็กซี่ แต่คุณพ่อยังซื้อเลโก้ที่ราคาแพงกว่าตุ๊กตาบาร์บี้ให้เล่น ซึ่งทำให้เธอเองก็ไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับปัญหาการเรื่องการเงินตามลำพัง แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะมายืนยันได้ว่า วันหนึ่งข้างหน้าเธอจะไม่เจอกับปัญหาเรื่องการเงิน
วิกฤตการเงินผันชีวิต
วิกฤตค่าเงินบาทลอยตัวทำให้เกิดการเปลี่ยนชีวิตของ“โจ มณฑานี” จากเดิมที่เคยมีรายได้เข้ามาจากงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทำให้งานตามรายการต่างๆ ก็ค่อยๆ ทยอยหดหายไป และช่วงนั้นตั้งบริษัทจัดคอนเสิร์ตครบวงจร มีการนำนักแสดงเกาหลีเข้ามาแสดงที่ไทย ทำให้มีการสร้างหนี้สินรุงรัง เป็นเหตุให้สภาพคล่องทางธุรกิจติดขัด และไม่มีเงินจ่ายพนักงาน เมื่อลามมาเรื่อยจนถึงเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เธอเองได้ผูกหนี้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต เงินผ่อนบ้าน และตอนนั้นมีภาระหนัก เพราะว่าจะต้องส่งค่าผ่อนบ้านสี่หมื่นบาทต่อเดือน และยังเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกเกือบแสน เมื่อคนทุกคนจะคงต้องมีจุดเปลี่ยน หลายคนที่เป็นหนี้ก็อาจจะไม่ได้เท่าทันเรื่องหนี้สินกับเรื่องการปลดหนี้ เธอเองก็เหมือนกับคนทั่วไป เพราะหนี้บ้านที่ค้างชำระทำให้ต้องถูกฟ้องศาล และตอนนั้นเธอก็คิดได้แต่เพียงแบบตื้น ๆ ว่าถ้าเขายึดบ้านไปคงจบ แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้จบเท่านั้น เพราะหนี้สินมันยังคงอยู่ ซึ่งนาทีนั้นได้ เธอเองก็ได้แต่คาดหวังว่าคงจะมีปาฏิหาริย์เข้ามาช่วยในเรื่องของการแก้ปัญหาพวกนี้ให้ แต่ก็ไม่มี ขณะต้องเผชิญปัญหาหนี้สินรุงรัง ที่บ้านของเธอก็ไฟไหม้อีก ทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นมาแก้ปัญหาการเงินจริงจัง
ฝ่าวิกฤตมรสุมชีวิตที่แสนลำบาก
“โจ มณฑานี “ เล่าว่า ตอนนั้นไฟไหม้หมดตัวแต่กลับเหลือแค่รองเท้า 200 คู่ อย่างอื่นไหม้เป็นจุลหมด ซึ่งทำให้ธนาคารรวบเงินประกันไปหมดล้านสอง แต่เธอก็ทำให้เธอยังต้องส่งเงินซากบ้านต่อไป แม้จะดูลำบาก แต่เธอก็อยากจะบอกทุกคนว่า วิกฤตเป็นเรื่องดี และอย่าไปรังเกียจเขา เพราะวิกฤตที่ต้องอยู่ท่ามกลางกองซากบ้าน มันบังคับให้เธอต้องเดินเข้าไปหาธนาคารและไปขอร้อง เพื่อขอให้เขาตัดเงินออกมาบ้าง ไม่เช่นนั้น เธอบอกว่าจะไม่มีบ้านอยู่ ซึ่งทางธนาคารก็ให้มาสามแสนจากล้านสอง และเธอก็เอามาทำบ้านทำผนังและรื้อทุกอย่างใหม่หมด ราคาสามแสนพอดี แต่ตัวเองต้องนั่งกินข้าวกับพื้น ไม่มีโต๊ะ และไม่มีโซฟา อยู่อย่างนั้นทุกวันเป็นเวลาหนึ่งปี แต่มันก็ทำให้เธออยู่ได้ จากนั้นต่อมาเธอก็ศึกษาจริงจัง ต่อสู้และทยอยปลดหนี้ไปได้จนหมด และทำให้ได้บ้านหลังนั้นกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง
ทางออกของการแก้ ปัญหาการเงิน
ใครที่ยังไม่พบทางออกเรื่องการเงิน เธอบอกว่า ขอฝากวิธีปฏิวัติ นิสัยเกี่ยวกับการเงิน ที่เธอใช้อยู่ มีหลักง่ายเพียงแค่ 6 ข้อที่เธอบอกว่า มักจะพูดเสมอ เป็น 6 ข้อสั้นๆ ที่จะต้องทำความเข้าใจ เพื่อดูให้ออกและที่สำคัญจะต้องเร่งลงมือทำ คือ
- จะต้องแยกแยะให้ได้ระหว่าง “ความอยากได้” กับ “ความจำเป็น”
- จะต้องรู้สถานการณ์การเงินของคุณเป็นอย่างดี ทั้งตัวเลขในบัญชี หรือใบแจ้งหนี้ และยอดชำระ ต่างๆ
- ให้ลองเริ่มทำบันทึกทางการเงินตั้งแต่วันนี้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องที่ว่า “เงินฉันหายไปไหน” ?
- ที่สำคัญควรให้รางวัลตัวเองด้วยการออมไม่ว่าจะออมแบบไหนก็ตาม
- พยายามฝึกนิสัย หากมีเงินสดค่อยซื้อ โดยจะได้ไม่ต้องเป็นหนี้บัตรเครดิต
- ทิ้งมนุษย์พิษ ที่จะเป็นตัวบั่นทอนสุขภาพทางการเงินของคุณ แต่ให้สะสมมนุษย์ยอดเยี่ยมเอาไว้
หลักง่ายๆ เพียงเท่านี้ก็อาจจะช่วยทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลงขึ้นได้อย่างแน่นอน