หนี้สิน เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดต้องการให้เกิดขึ้นกับตนเอง แต่ทว่าบางครั้งความจำเป็นของชีวิตก็บังคับให้ต้องก่อหนี้สิน คนที่ เป็นหนี้ จะต้องดิ้นรนพยายามหาเงินเพื่อนำไปใช้หนี้ จะได้ปลดเปลื้องหนี้ที่มีอยู่ออกไปให้พ้น การรับภาระหนี้เป็นสาเหตุของความเครียดอีกประการหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดของผู้ที่ตกอยู่ในฐานะลูกหนี้คือการมองโลกในแง่บวก และพยายามเต็มที่ให้ปลดหนี้ได้ แท้จริงชีวิตที่ เป็นหนี้ นั้นก็สามารถมีความสุขได้เช่นกัน เพียงปรับเปลี่ยนวิธีการคิดเพื่อให้ใจและกายเป็นสุข โดยวิธีคิดให้เป็นสุขในขณะที่ยัง เป็นหนี้ มีเทคนิค ดังนี้
หลักการคิดของผู้ที่ตกอยู่ในฐานะลูกหนี้
ผู้ที่เป็นลูกหนี้ควรเริ่มต้นที่การปรับความคิดของตนเองเสียก่อน เพราะความคิดดี ๆ จะนำมาซึ่งจิตใจที่มีความสุขนั่นเอง โดยการมีความคิดดีๆนั้นสามารถทำได้หลายทาง ได้แก่
1. การมองโลกในแง่ดี
การมองโลกในแง่ดีจะทำให้ผู้ที่เป็นหนี้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เริ่มต้นด้วยการปรับทัศนคติของตนเอง โดยไม่ควรคิดว่า “ทำอย่างไรก็ไม่สามารถปลดหนี้ได้” เพราะความคิดลักษณะนี้เปรียบเสมือนกับการเป็นกับดักความคิดที่ทำให้ไม่พ้นไปจากการเป็นหนี้ สร้างความท้อแท้ให้กับตนเอง เป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้ต่อสู้เพื่อนำไปสู่ชีวิตปลอดหนี้ได้ ควรเปลี่ยนความคิดในแง่ที่ว่า “ถึงอย่างไรก็จะสามารถใช้หนี้ได้อย่างแน่นอน” เพราะเพียงแค่เริ่มต้นคิดในแง่บวกว่าจะสามารถปลดหนี้ได้ก็เปรียบเหมือนกับประสบความสำเร็จในการปลดหนี้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว
2. ไม่โทษโชคชะตา
การโทษโชคชะตาจะทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในฐานะลูกหนี้ใช้ชีวิตอย่างเลื่อนลอย ไร้จุดหมาย เพราะความคิดที่ว่าต้องเป็นหนี้เพราะดวงไม่ดี หรือฟ้าดินลงโทษจะทำให้ลูกหนี้ไม่กระตือรือร้นปลดหนี้ หากแต่รอคอยเพื่อให้มีใครมาช่วยเหลือ ซึ่งวิธีการแก้ไขความคิดลักษณะนี้ ลูกหนี้ควรคิดหาสาเหตุว่าตนเองเป็นหนี้เพราะอะไร และทำอย่างไรจึงจะปลอดหนี้ได้อย่างถาวร การเปลี่ยนความคิดในลักษณะนี้จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและไม่กลับไปเป็นหนี้อีก แม้ในอนาคตจะพบเจอกับวิกฤติทางการเงินอีกก็ตาม
3. มีความสุขแบบพอเพียง
คนที่เป็นหนี้สามารถมีความสุขในชีวิตได้โดยใช้ชีวิตแบบพอเพียง ควรเริ่มต้นด้วยการหาความสุขแบบง่าย ๆ ใกล้ตัว เช่น หากเป็นคนมีรายได้น้อย ควรเลือกซื้อสิ่งของที่มีราคาเหมาะสมกับฐานะตนเองมาใช้ กระเป๋าสตางค์ที่มีราคาประหยัด ไม่จำเป็นต้องเลือกใช้กระเป๋าแบรนด์ดังราคาแพงๆ เลือกรับประทานอาหารที่มีราคาประหยัดและช่วยให้สุขภาพดี เช่น ผักและผลไม้ เลือกรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ให้น้อยลงและเพิ่มอาหารประเภทธัญพืชให้เพิ่มมากขึ้น เมื่อสุขภาพร่างกายดี สุขภาพจิตก็จะดีตาม สุขภาพแข็งแรงดีจะช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาไปด้วย
4. มีเมตตากรุณา
การที่เป็นหนี้สินไม่ได้หมายความว่าต้องแล้งน้ำใจกับคนที่ลำบากกว่า ตรงกันข้าม แม้จะมีหนี้สิน แต่หากช่วยเหลือผู้อื่นก็เปรียบได้ดั่งการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในหัวใจ ซึ่งเมื่อเมล็ดพันธุ์นี้เติบโตขึ้นจะทำให้สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ
อ่านเพิ่มเติม >> เป็นหนี้ ก็มีสุขได้ อยู่ที่ว่าจะเลือกใช้ชีวิตแบบไหน <<
หลักการปฏิบัติของผู้ที่ตกอยู่ในฐานะลูกหนี้
สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในฐานะลูกหนี้ควรตระหนักว่าขณะนี้ตนเองได้เผชิญกับอุปสรรคที่ยากอีกช่วงหนึ่งของชีวิต ซึ่งสิ่งที่จะนำพาให้คุณผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านี้ไปได้คือหลักการปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้
1. ขยันหมั่นเพียร
การมีรายรับทางเดียวก็อาจไม่พอต่อการปลดหนี้ได้ ผู้ที่ตกอยู่ในฐานะลูกหนี้จึงควรเริ่มมองหางานพิเศษหรือรายรับเสริมทางอื่น ในปัจจุบันการหารายได้นั้นมีหลายช่องทาง อาทิ การทำงานพิเศษที่ร้านอาหาร การขายอาหารที่ตลาดนัด การรับทำงานพิเศษทางอินเทอร์เน็ต หากมองทุกสิ่งเป็นหนทางของรายรับได้ เชื่อได้ว่าความขยันจะนำพาสู่การปลดหนี้ได้สำเร็จอย่างแน่นอน
2. อดทน
แม้บางครั้งการทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งรายรับที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไปบ้าง แต่ในช่วงนี้ผู้เป็นลูกหนี้ต้องอดทน เพราะความอดทนจะช่วยให้สามารถปลดหนี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน หากผู้ที่เป็นลูกหนี้ หากท้อถอยหมดความอดทนไปเสียก่อน หนทางสู่การปลดหนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นได้อย่างช้าๆ ทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยไปมากทั้งที่ไม่ควรจะเสีย
3. ไม่กู้หนี้ก้อนใหม่
การกู้หนี้ก้อนใหม่เพื่อมาปลดหนี้เก่าเปรียบได้ดั่งการต่อวงจรการ เป็นหนี้ อย่างไม่จบสิ้น ควรเริ่มต้นที่การปลดหนี้เก่าให้ได้โดยใช้ความขยันเป็นที่ตั้ง ระหว่างการหาเงินเพื่อปลดหนี้ คุณไม่ควรหาหนี้ก้อนใหม่เข้ามาเพิ่ม เพราะมันจะทำให้คุณรับภาระในการใช้หนี้ที่หนักขึ้นและอาจจะทำให้คุณไม่สามารถปลดหนี้ก้อนใดได้เลย
4. ออมก่อน ใช้ทีหลัง
แม้จะมีภาระในการชำระหนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ลูกหนี้ไม่ควรละเลยคือการออมเงินให้เป็นนิสัย เมื่อได้รับเงินเดือนควรแบ่งเงินออกสำหรับชำระหนี้ก่อน จากนั้นจึงแบ่งเงินที่เหลือสำหรับออม โดยเงินที่เหลือจากสองส่วนนั้นจึงค่อยนำมาใช้ การออมก่อนใช้ทีหลังจะทำให้ลูกหนี้มีเงินเก็บสำหรับใช้ยามฉุกเฉิน ยกตัวอย่างเช่น เงินค่ารักษาพยาบาล เงินค่าซ่อมบำรุงรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งข้อดีของการมีเงินออมก็คือการปลอดหนี้อย่างถาวรนั่นเอง
5. เลิกใช้บัตรเครดิต
หากลูกหนี้ยังมีการใช้บัตรเครดิตอยู่ ควรเลิกใช้ในทันทีเพราะบัตรเครดิตเป็นสิ่งที่เสริมสร้างนิสัยการใช้จ่ายเงินอย่างขาดสติ ทำให้มีนิสัยการใช้เงินแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ทางที่ดีที่สุดสำหรับลูกหนี้คือการใช้เงินเท่าที่ตนเองมี โดยกำหนดเงินที่ใช้ในแต่ละวันให้เพียงพอต่อการซื้อสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น วิธีนี้จะทำให้เงินเก็บเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างแน่นอน
หากสามารถเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อการเป็นหนี้ได้ด้วยการมองว่าการปลดหนี้ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด รวมทั้งมีความพยายามในการปลดหนี้โดยใช้ความขยันและอดทนเป็นที่ตั้ง เชื่อได้ว่าวันหนึ่งจะปลดหนี้ได้และประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน