ลูก คือหัวใจ คือชีวิต หรือก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของคนเป็นพ่อ เป็นแม่นั่นเอง ไม่ว่าลูกจะต้องการอะไร อยากได้อะไร พ่อ แม่ ส่วนใหญ่ก็จะจัดหามาให้ จนมีคนบางคนพูดกันว่า ที่หาให้ไม่ได้ก็คงจะเป็นดาวกับเดือนแค่นั้น แน่นอนถ้าถามถึงเรื่องการวางอนาคตให้ลูกในด้านการศึกษา เราก็เต็มที่กับเรื่องนี้เช่นกัน จนบางครั้งลืมคิดไปว่าลูกต้องการอะไร วันนี้เราจึงนำ เคล็ดลับบริหารเงิน ดีๆ เพื่อการศึกษาของลูกมาฝาก เพื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อ คุณแม่บ้าง
- ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ลูกต้องการอะไร และเรากำลังจะให้สิ่งใดกับลูก
เช่น เราต้องการให้ความสุขกับลูก เราก็เลยตามใจลูกทุกอย่าง ขนซื้อของกิน ของใช้ ของเล่น ให้กับลูกอย่างมากมาย เพราะคิดว่านี่คือความสุขของเขา จนบางครั้งลูกไม่รู้จักคุณค่าของเงิน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างได้มาโดยง่าย แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราจะสอนให้ลูกเริ่มรู้จักออมเงินใส่ออมสิน ค่อยๆสอนเขาว่าสิ่งไหนที่จำเป็นและไม่จำเป็นต้องซื้อ แล้วพาลูกไปเปิดบัญชีธนาคาร ให้ลูกค่อยๆมองตัวเลขที่เพิ่มขึ้นด้วยความภาคภูมิใจว่านี่คือผลงานของเขา เขาทำได้ และเงินนี้ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับการศึกษาของเขาในอนาคต นอกจากนี้การสอนลูกให้เขารู้จักคุณค่าของเงิน รู้จักเก็บออมเงินเพื่ออนาคต ยังเป็นการวางรากฐานที่ดีให้กับเขาในอนาคตอีกด้วย
- หาสิ่งที่ดีและคุ้มค่าเงินมากที่สุด
เนื่องจากปัจจุบันพ่อ แม่ ส่วนใหญ่จะทำงานนอกบ้านกันทั้งนั้น บางครั้งจึงไม่สามารถที่จะดูแลลูกได้ จึงต้องพาลูกไปฝากสถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนเตรีนมอนุบาล ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีราคาแพง เราจึงควรไปสำรวจในหลายๆที่ดูก่อนว่าที่ไหนดี และมีราคาไม่แพงจนเกินไปนัก เพื่อเงินที่จ้างไปจะมีความคุ้มค่ามากที่สุด และที่สำคัญการฝากลูกเข้าในสถานเลี้ยงเด็กนั้น ก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ จึงไม่ควรทุ่มเงินกับตรงนี้มากนัก ทางที่ดีควรเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตในวัยเรียนของลูกจะดีกว่า
- มองหากองทุนค่าเล่าเรียนบุตร
ปัจจุบันในหลายบริษัทได้จัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาของบุตรพนักงานขึ้น ยิ่งเป็นงานราชการก็ยิ่งดีเพราะสามารถเบิกจ่ายค่าเล่าเรียนบุตรได้ถึงอายุ 18 ปี อย่าละเลยกับสิ่งเหล่านี้ เพราะเราสามารถออมเงินตรงนี้นำมาใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษาของลูกได้อีกมากมาย เช่น นำมาซื้ออุปกรณ์การเรียน การเรียนพิเศษ หรือการศึกษาต่อสูงๆก็ได้
- พุดคุยกับลูกเตรียมการในเรื่องอนาคต
อาจลองถามเขาว่าอนาคตเขาอยากเรียนอะไร อยากมีอาชีพอะไร โดยเราสามารถแนะนำลูกเพิ่มเติม และร่วมกันวางแผนการเรียน วางแผนเรื่องเงินว่าจะใช้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากเรารู้ว่าลูกมีความันอยากเป็นอะไร เราก็จะได้เตรียมหาข้อมูลได้ถูก ว่าการเรียนในสาขานั้น ต้องใช้เงินค่าเล่าเรียนเท่าไหร่ และเราต้องทุ่มทุนเท่าไหร่ เพื่อจะได้บริหารจัดการเงินไว้ให้ลูกได้อย่างพอดีนั่นเอง
- ไม่จำกัดกรอบว่าต้องเรียนแต่ในประเทศ
เพราะบางครั้งการศึกษาต่อในต่างประเทศอาจมีประโยชน์มากกว่า อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไม่มากแต่คุ้มค่ากว่าก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี เช่น หากเราต้องการให้ลูกเก่งภาษา ลองมองหาหลายๆทางว่า ถ้าเราส่งลูกเรียนภาษาในประเทศไทย หรือส่งเรียนโรงเรียนสองภาษา กับการมองหาทุนรัฐบาลหรือเอกชนให้เขาไปเรียนต่างประเทศจะประหยัดกว่าไหม หรือไปเรียนในบางประเทศที่ค่าเทอมไม่แพงแต่มีคุณภาพในการเรียนการสอน เช่น อินเดีย ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ อาจจะมีสิ่งที่ดีกว่าและคุ้มค่ากว่าแค่เรามองหาข้อมูลเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
- หาวิธีการลดหย่อนภาษีจากค่าเทอมบุตร
เช่น ศึกษาว่าโรงเรียนไหนที่สามารถนำค่าเทอมมาลดหย่อนภาษีได้ บางครั้งอาจเป็นโรงเรียนดีๆที่คุณกำลังมองอยู่ก็ได้ หรือ ศึกษาขั้นตอนการลดหย่อนภาษีของรัฐบาล บางทีอาจมีช่องทางให้เรานำบิลค่าใช้จ่ายโรงเรียนลูกมาลดหย่อนภาษีได้ ก็จะเป็นการดี
- ถ้าไม่มั่นใจ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
เพราะในบางครั้งเราอาจจะมีความรู้ในเรื่องการวางแผนน้อยกว่าผู้ที่เขาเชี่ยวชาญในเรื่องการวางแผนการเงิน อาจไม่ยุ่งยากแค่เราบอกงบค่าใช้จ่ายที่เรามี กับสิ่งที่เราต้องการเพื่อการศึกษาลูก แค่นี้เราก็ไม่ต้องเครียด หรือ คิดถูกๆผิดๆแล้ว
- นำเงินออมบางส่วนไปซื้อพันธบัตร
จะเป็นการดีหากเราเอาเงินออมบางส่วนไปซื้อพันธบัตร ที่มีอัตราดอกเบี้ยแน่นอน และปลอดภัย ซึ่งหากเราออมให้ลูกในทุกๆเดือนและซื้อพันธบัตรเตรียมไว้ วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้าเราก็สามารถดึงมาเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาของลูกได้
การเตรียมการที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง หากเราเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เมื่อถึงเวลาจริงๆก็จะได้ไม่ยุ่งยาก เพราะการศึกษาของลูกคือสิ่งสำคัญ ดังนั้น อย่าละเลยที่จะเก็บออมเงินเพื่อการศึกษาของลูกกันด้วยนะ
นอกจากนี้การสอนให้ลูกได้รู้จักเก็บออมเงินด้วยตัวเอง ก็เป็นการวางรากฐานอนาคตที่ดี ฝึกนิสัยทางด้านการเงินที่ดีให้กับเขา และคุณเองก็จะได้ไม่ต้องรับภาระหนักมากเกินไปอีกด้วย ว่าแล้วเราเริ่มวางแผนการเงินเพื่ออนาคตการเรียนของลูกกันดีกว่า ซึ่งการเก็บออมเงินก็นับว่าเป็นหนทางที่ดีหนทางหนึ่งเลยล่ะ