ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน หลายคนที่บ่นว่ายังไม่รวยอย่างไร ก็คงไม่รวยอยู่อย่างนั้น ซึ่งหากจะพิจารณาแท้จริงแล้วตัวแปรของฐานะคงไม่ได้อยู่ที่เศรษฐกิจแค่เพียงอย่างเดียว แต่พฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยของเราเอง ที่เป็นสิ่งสำคัญประการแรก อันจะบ่งบอกได้ว่า เราจะรวยเมื่อไหร่? หากยังทำพฤติกรรมเดิม ๆ อยู่ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าในหนึ่งเดือน แต่ยังไม่มีวินัยทางการเงินแล้ว ก็ยากที่จะรวยได้
โดย พฤติกรรมที่ทำให้ไม่รวย นั้นประกอบไปด้วย
1.ไม่รู้จักเก็บออม
การเก็บออกเป็นสิ่งสำคัญแรก ๆ ที่ควรกระทำ แต่หลายคนกลับไม่ใส่ใจ เพราะหามาได้ก็ใช้ไป โดยไม่คิดถึงอนาคตว่า จะตกงานเมื่อไหร่ จะมีเงินเก็บเพียงพอในเวลาที่ครอบครัวลำบาก หรือ พ่อแม่เจ็บป่วยหรือไม่? ซึ่งไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ดี หรือเป็นอาชีพอิสระก็ดี หากไม่รู้จักเก็บออมแล้วก็จะนำมาสู่ความลำบากในอนาคต
การจะจัดการกับการเก็บออมที่ดีนั้น ก็คือ หากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน พอถึงเวลาสิ้นเดือน ให้เก็บเงินไว้ก่อนส่วนหนึ่ง โดยคิดเป็นร้อยละ 20-30 ของเงินเดือนก็ได้ โดยการแยกบัญชีไว้อย่างชัดเจน แล้วจึงใช้เงินที่เหลือใช้ในชีวิตประจำวันให้พอในหนึ่ง ๆ เดือน โดยไม่ต้องไปหยิบยืมใคร หรือหากใครที่ไม่สามารถเก็บเงินในลักษณะนี้ได้ ก็ให้ฝากแบบประจำ ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะมีให้เลือกว่าจะฝากกี่ปี จึงจะถอนได้ โดยให้ฝากเป็นรายเดือน กรณีฝากประจำนี้ก็จะทำให้เราห้ามใจไม่ให้ถอนเงินได้ อีกลักษณะหนึ่งก็คือฝากแบบประกันเงินออมตามธนาคารต่าง ๆ เป็นการฝากระยะยาวเป็นหลักสิบปี ซึ่งให้ฝากเป็นรายเดือน เนื่องจากหากฝากเป็นรายปีแล้ว อาจจะเกิดปัญหาที่นำเงินในแต่ละเดือนไปใช้ก่อน ถึงเวลาฝากเงินออมก็จะไม่มีเงินให้ฝาก ฉะนั้นฝากรายเดือนดีที่สุด… หากรู้จักการเก็บออมตั้งแต่เริ่มทำงาน อีก 10 ปี ก็จะมีเงินก้อนไว้ใช้ในอนาคตได้ แต่ถ้าใครที่ยังไม่ได้ออมเงิน ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานประจำ หรือ งานอิสระก็ดี การเริ่มต้นเสียตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย แม้ว่าคุณจะมีหนี้สินมากมายก็ตาม แต่ถ้ารู้จักเก็บสักเล็กน้อยต่อเดือน ดีกว่าจะต้องใช้หนี้อย่างเดียวโดยไม่มีเงินออมเลย
อ่านเพิ่มเติม >> วิธีออมเงินง่ายๆใน วัยทำงาน <<
2.ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ตามกระแส ตามแฟชั่น
เป็นพฤติกรรมที่ยากจะแก้ไข เพราะความอยากได้ในสิ่งที่ทันสมัย ตามกระแส ทำให้หลายคนต้องหมดเงินไปกับการจับจ่ายสิ่งของที่ฟุ่มเฟือย เช่น น้ำหอม สมาร์ทโฟนราคาแพงเกินความจำเป็น กระเป๋า เสื้อผ้าที่ซื้อได้ทุก ๆ เดือน หรือการกินอาหารหรู ๆ หลาย ๆ ครั้งในหนึ่งเดือน
การจัดการกับพฤติกรรมฟุ่มเฟือย คือการใช้สติ หยุดคิด หยุดจับจ่าย แล้วมาคำนวณดูว่าหมดเงินกับสิ่งของเหล่านี้ไปเท่าไหร่ต่อเดือน ในทางกลับกันหากเก็บเงินในส่วนที่ฟุ่มเฟือยนี้ แล้วคิดเป็นเงินเก็บในหนึ่งปี ก็คงมีเงินใช้ก้อนโตเลยทีเดียว… หากหยุดพฤติกรรมนี้ไม่ได้ อนาคตก็ต้องลำบากเพราะไม่มีเงินเก็บ โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ชนิดจ่ายเงินเดือนชนเดือน และไม่เคยคิดจะเก็บเงินเลย
3.ชอบกู้เงิน ทำให้เป็นหนี้
ปัจจุบันจะเห็นว่าหนี้สินในภาคครัวเรือนนั้นเพิ่มขึ้นมากหลายเท่าตัว นั่นก็เพราะพฤติกรรมการชอบกู้เงิน ที่บางคนก็ไม่รู้ว่า กู้มาแล้วจะเอาไปทำอะไรดี หรือกู้มาแล้ววางแผนไม่ดี ก็ใช้จ่ายจนหมด และหลาย ๆ คนเมื่อเงินไม่พอใช้ ก็ทำบัตรเครดิต บัตรเดบิต เพื่อหมุนเงินบ้าง เพื่อนำมาใช้จ่ายกับสิ่งที่ไม่จำเป็นบ้าง เช่น การผ่อนสมาร์ทโฟน เป็นต้น ทำให้เกิดหนี้สินโดยไม่จำเป็น เมื่อเกิดรายรับของทุกเดือน บางส่วนก็จะต้องจ่ายไปกับหนี้สิน ซึ่งเป็นเงินอนาคตที่นำมาใช้ก่อน หากเดือนไหนที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือต้องตกงาน ไม่ได้งาน ก็ต้องมีการยืมเงินจากตรงนั้น มาใช้หนี้ตรงนี้ไม่มีวันจบสิ้น ทำให้ดินพอกหางหมู จนไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เพราะนอกจากจะไม่รวยแล้วแถมยังเป็นหนี้อีกต่างหาก
การจัดการกับพฤติกรรมชอบกู้เงินนั้น ก่อนจะกู้เงินให้คิดสักนิดว่า มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนในการกู้ กู้มาแล้วจะมีศักยภาพเพียงพอใช้คืนหรือไม่ เพราะในอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน โดยเฉพาะคนที่อยากจะทำธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตนเองควรจะศึกษาให้รอบด้าน ดูทิศทางการตลาดให้ดีก่อน มิเช่นนั้นการกู้เงินมาลงทุนอาจจะสูญเปล่า แต่ในทางที่ดีไม่ควรกู้เงินจะดีกว่า มีเท่าไหร่ให้ประหยัด อดออม กินเท่าที่มี ใช้เท่าที่มี หากมีความอดทนต่อการกินการอยู่สักเล็กน้อย แล้วขยันทำงานพิเศษเพิ่มมากขึ้น รับรองว่านอกจากจะไม่เป็นหนี้แล้ว แถมยังมีเงินเก็บอีกด้วย แต่ถ้าใครทีมีหนี้สินอยู่แล้ว การแก้ปัญหาก็คือ การหารายได้ให้เพิ่มมากขึ้น ลดรายจ่ายให้น้อยลง ใช้หนี้บางส่วนตามกำลังที่มี และเก็บเงินไว้บางส่วน ถ้าทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป รับรองหนี้หมด และมีเงินเก็บอีกด้วย
4.ไม่ขยัน ไม่กระตือรือร้น ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
เป็นพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ที่ปากบอกว่าอยากรวย แต่ไม่กระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ ไม่ขยันทำมาหากิน หรือการสร้างรายได้พิเศษให้กับตนเอง โดยบางคนก็บอกว่าอยากหารายได้พิเศษ แต่ติดตรงที่ไม่มีเงินลงทุน ทว่า งานพิเศษที่ไม่ต้องลงทุนด้วยเงินนั้นมีอยู่หลายช่องทางด้วยกัน โดยการใช้ความรู้ความสามารถของตน เช่น หากมีความรู้เกี่ยวกับ photoshop ก็เพียงแต่ประกาศผ่านทางอินเทอร์เน็ต รับงานอิสระทำพวกกราฟฟิค งาน photoshop ก็ได้ ซึ่งมีช่องทางของงานอิสระที่ไม่ต้องลงทุนด้วยเงินมากมายนัก แต่เหตุที่มีข้ออ้างก็เพราะไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง และไม่กระตือรือร้น จึงทำให้ไม่รวยสักที
การจัดการกับพฤติกรรมในเรื่องนี้ แค่เพียงเปิดใจแล้วมองในมุมบวกว่า การหางานอิสระทำเพิ่ม โดยไม่เบียดเบียนเวลาของงานประจำ ไม่ว่าจะเป็นการขายอาหาร การของผ่านอินเทอร์เน็ต การเขียนบทความขาย หรือรับทำงานที่ตนถนัด ย่อมเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง และนำรายได้ส่วนนี้เป็นเงินเก็บ ส่วนเงินที่ได้จากงานประจำก็เป็นเงินที่ต้องใช้จ่ายไป หรือคนที่ทำงานอิสระก็ต้องกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมมาก ๆ ไม่หยุดนิ่งหรือจำกัดอยู่เพียงการทำงานที่ตนถนัดเพียงอย่างเดียว เพราะความถนัดสร้างได้จากการฝึกฝน หากไม่ฝึกฝนมีหรือจะเกิดความถนัด เมื่อเชี่ยวชาญในหลาย ๆ อย่างรับรองว่า หารายได้เข้ากระเป๋าได้ง่าย แต่ทั้งนี้ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการเปิดใจ ศึกษา ค้นคว้าและลงมือทำ
อ่านเพิ่มเติม >> 8 นิสัยพาจน เลิกซะ! ถ้า อยากรวย <<