เคยไหมที่ไปสัมภาษณ์งานผ่านแล้ว นัดทำสัญญาการจ้างงานแต่ไม่มี บุคคลค้ำประกันการทำงาน เชื่อว่าหลายๆคนประสบกับปัญหานี้ เพราะบางองค์กรหรือบางบริษัทระบุเลยว่าต้องใช้ข้าราชการเป็น บุคคลค้ำประกันการทำงาน หรือต้องเป็นบุคคลที่มีเงินเดือนสูงมากค้ำประกัน หรือบางแห่งไม่ระบุทั้งเงินเดือนและคุณสมบัติอื่นๆแต่ก็หาคนค้ำไม่ได้หากเกิดกรณีแบบนี้จะทำอย่างไรได้บ้างเรามีข้อแนะนำมาบอกกล่าวกัน
เรื่องของการค้ำประกันการทำงานนั้นส่วนใหญ่จะต้องมีเกือบทุกบริษัทยกเว้นเป็นบริษัทเล็กๆที่อาจไม่ต้องใช้คนค้ำแต่อาจมีในบางตำแหน่งที่เกี่ยวกับการเงิน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือบางคนไม่มีญาติพี่น้องหรือคนรู้จักที่พอจะมาเซ็นค้ำประกันให้ได้ทำให้ต้องพลาดงานดีๆในองค์กรใหญ่ๆ ซึ่งปัญหาหลักของคนกลุ่มนี้ก็อย่างที่กล่าวคือหาคนค้ำประกันงานไม่ได้ ซึ่งหากมองในแง่ขององค์กรหรือบริษัทแล้วในบางตำแหน่งนั้นก็จำเป็นต้องมีบุคคลค้ำประกันที่น่าเชื่อถือและมีรายได้สูงพอที่จะสามารถรับผิดชอบกับความเสียหายได้หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นโดยเฉพาะตำแหน่งที่มีความสำคัญเช่น บัญชี,การเงิน หรือตำแหน่งอื่นๆตามโครงสร้างขององค์กร ซึ่งบุคคลค้ำประกันส่วนใหญ่นั้นบางแห่งมักจะไม่อนุญาตให้เป็นญาติและอาจระบุถึงตำแหน่งงานหรือเงินเดือนเข้าไปด้วย ปัญหานี้หากเป็นองค์กรใหญ่ๆการต่อรองหรือการตกลงในสัญญาจ้างงานมักจะไม่มีการผ่อนปรนให้ต้องเป็นไปตามกฎเท่านั้น
แต่หากเป็นบริษัททั่วไปหรือบริษัทเล็กๆอาจจะสามารถต่อรองได้เช่น ขอให้หักเงินเดือนเป็นเงินประกันการทำงานแทนการหาคนมาเซ็นต์ค้ำประกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสำคัญในตำแหน่งงานที่ทำบางแห่งอาจจะค้ำประกันด้วยเงินหลักพันหรืออาจสูงถึงหลักหมื่นเลยก็มี ซึ่งปัญหาเรื่องนี้นั้นมันอาจจะเป็นเหมือนการตัดทางทำงานหรือการเข้าทำงานในองค์กรใหญ่ๆ ของหลายๆคนที่ไม่สามารถทำตามข้อตกลงในเรื่องนี้ได้ แน่นอนว่าหลายคนเสียใจและผิดหวังทั้งๆที่มีความสามารถแต่ไม่สามารถหาคนค้ำประกันได้
ดังนั้นทางออกของเรื่องนี้คือควรอ่านในประกาศการสมัครงานก่อนว่าตำแหน่งและองค์กรหรือบริษัทที่สนใจนั้นมีเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่นต้องมีคนค้ำประกัน ซึ่งหากเราสนใจควรโทรไปสอบถามถึงเรื่องนี้ก่อนว่าหากไม่มีคนค้ำประกันจะสามารถใช้เงินสดค้ำประกันการทำงานได้ไหมต้องวางเงินเท่าไหร่และมีสัญญาระบุการคืนเงินส่วนนี้หรือไม่ และหากสามารถทำได้วงเงินค้ำประกันนั้นเรามีเพียงพอหรือไม่หากเจรจาและพร้อมทำตามเงื่อนไขที่ตกลงกันได้ก็เชื่อแน่ว่าจะสามารถเข้าทำงานได้ตามที่หวังหากผ่านการสัมภาษณ์ หรือ หากคิดว่าเรื่องของการค้ำประกันมันดูจะวุ่นวายเกินไปก็ควรหาสถานที่ทำงานที่ไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้ ซึ่งคงต้องดูจากประกาศหรือหากไม่แน่ใจให้สอบถามก่อนการสมัครให้แน่ใจว่าไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน หรือสอบถามเงื่อนไขในการค้ำประกัน
เพราะบางแห่งนั้นอาจไม่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการหรือใช้เงินค้ำประกันเพราะบางแห่งแค่ต้องการคนที่ยืนยันและติดตามตัวได้หากคุณไปทำงานแล้วหายไปหรือมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในการสมัครงานหรือการทำงานในปัจจุบันนั้นควรมีทางเลือกสำรองไว้หลายๆทางเช่นการมีเพื่อนหรือญาติสนิทที่พอจะค้ำประกันงานให้ได้,การเตรียมเงินไว้สำหรับค้ำประกันการทำงานด้วยซึ่งในจุดนี้หลายคนอาจคิดว่าไม่สำคัญแต่หากบริษัทหรือองค์กรที่สนใจไปสมัครงานเขามีเงื่อนไขนี้ก็จะได้ไม่พลาดกับบริษัทหรือองค์กรที่ต้องการเพื่ออนาคตและเงินเดือนที่คาดหวัง แต่หากใครที่ไม่พร้อมจริงๆการเลือกทำงานกับบริษัทที่ไม่มีเงื่อนไขต่างๆก็ไม่เสียหายอะไรให้ถือว่าเป็นการทำงานเพื่อเก็บประสบการณ์และเพิ่มความสามารถรวมถึงเตรียมความพร้อมทางการเงินไว้สำหรับเป็นทุนในการขยับขยายงานให้อนาคตก็ได้
อย่าให้เรื่องของการค้ำประกันการทำงานมาปิดโอกาสอนาคตทางออกและทางแก้ปัญหามีหลายทางหากค่อยๆคิดและเลือกทางที่เหมาะสมรับรองว่าเรื่องของการค้ำประกันการเข้าทำงานจะกลายเป็นเรื่องเล็กๆน้อยแค่นั้น
เพิ่มเติม : บัตรเครดิต ซิตี้แบงก์ แคชแบ็ก ยิ่งใช้ยิ่งได้เงินคืน