เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ทุกอย่างเริ่มต้นที่เงิน ประโยคนี้คงไม่เกินจริงนักในยุคปัจจุบัน และแน่นอนเมื่อทุกอย่างเริ่มต้นที่เงิน คนส่วนใหญ่ก็ใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่งกับเงินที่หามาได้ น้อยคนนักที่จะวางแผนการใช้จ่ายเงิน หรือการบริหารการเงินของตัวเอง พอมารู้สึกตัวอีกทีก็เข้าสู่ช่วงยุคมืดช่วงปลายเดือน เมื่อล้วงไปในกระเป๋าสตางค์แล้วเจอแต่ความว่างเปล่า ในช่วงเวลานี้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคือเพื่อนคู่กายให้ประทังชีวิตรอเงินเดือนเดือนต่อไป เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดวนซ้ำไปซ้ำมาทุกๆเดือน หากเราไม่รู้จักการบริหารการเงินของตัวเอง เอ้า!งั้นเรามาลองเรียนรู้เคล็ดวิชา บริหารเงินให้พอใช้ต่อเดือน นี้กันดีกว่า
1.รายได้ของเรามาจากไหนกันนะ?
การมองภาพให้ออกว่าเราจะบริหารการเงินอย่างไรนั้น เราต้องสร้างตัวตั้งต้นขึ้นมาก่อน ขั้นแรกเราต้องรู้แหล่งที่มาของเงินของเราเสียก่อนว่าในแต่ละเดือน เรามีรายได้ที่เป็นรายได้หลักๆจากทางใดบ้าง เช่น เงินเดือน เงินจากการค้าขาย ค่าเช่า โดยเราจะไม่รวมเอาเงินได้ไม่ประจำมาคิดเพราะมีความแปรผันสูง ยากต่อการนำมาคำนวณ เช่น โบนัส เงินให้เปล่า เงินคืนภาษี เป็นต้น การรู้จักแหล่งที่มาของรายได้ของเราในแต่ละเดือน ก็เพื่อจะนำมาเป็นตัวตั้งต้นว่าด้วยเงินจำนวนเท่าๆกันนี้ในแต่ละเดือน เราจะจัดสรรปันส่วนอย่างไรให้พอใช้ไปตลอดเดือน(สำหรับคนค้าขายอาจที่มีรายได้ไม่แน่นอนในแต่ละเดือน อาจลองหาค่าเฉลี่ยหลายๆเดือนมาตั้งเป็นรายได้หลัก)
2.รายจ่ายของเรามีอะไรบ้างล่ะ?
เมื่อรู้รายได้ ก็ต้องเรียนรู้รายจ่ายว่าในแต่ละเดือนเรามีการใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง ซึ่งมันมีเรื่องให้ต้องจ่ายมากมาย เราจึงต้องแบ่งประเภทของรายจ่ายเสียก่อน วิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยเราเรื่องนี้ก็คือ เราอาจแบ่งรายจ่ายออกเป็น รายจ่ายประจำ และรายจ่ายไม่ประจำหรือรายจ่ายเบ็ดเตล็ด รายจ่ายประจำก็คือรายจ่ายที่เรามีพันธะสัญญาว่าต้องจ่ายทุกเดือน ซึ่งรายจ่ายพวกนี้ส่วนมากจะมีค่าคงที่ เช่น ค่ากินค่าอยู่ ค่างวดรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าเช่า ค่าเดินทาง ค่าผ่อนข้าวของเครื่องใช้ ส่วนรายจ่ายไม่ประจำก็เช่น ค่าเที่ยว เงินใส่ซอง เงินรักษายามเจ็บป่วย เงินซื้อของที่อยากได้ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เป็นต้น
3.เงินออม รายจ่ายแห่งความมั่งคั่ง
หากเราบอกว่ารายจ่ายในข้อสองคือการใช้จ่ายเพื่อการมีชีวิตรอด และสนองความต้องการบางอย่างของเรา ซึ่งเราอาจเรียกรวมๆ ว่ารายจ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า คือจ่ายแล้วจ่ายเลยและจบที่ตรงนั้น แต่มีอีกรายจ่ายหนึ่งที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่งให้เรา และเป็นการประกันว่าเราจะไม่อดตายในอนาคตจนลาจากโลกนี้ไป นั่นคือเงินออม ให้เราคิดว่าเงินออมคือรายจ่ายประจำของเรา ที่ต้องชำระทุกเดือน ห้ามเบี้ยว วัวตายควายล้มก็ต้องหามาจ่ายส่วนนี้ก่อนเสมอ ซึ่งในก้อนเงินออมนี้เราอาจจะแบ่งย่อยได้อีกเป็นเงินออมเพื่อการลงทุน เงินออมฉุกเฉิน เงินออมรางวัลชีวิต เงินออมเพื่อพ่อแม่ เงินออมเพื่อวัยเกษียณ เป็นต้น
4.จงแก้สมการต่อไปนี้
จากทั้งสามข้อข้างต้นเราจะมาสร้างสมการเพื่อการบริหารเงินของเราอันแสนเรียบง่าย สมการที่ผู้มั่งคั่งใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งมันเป็นสมการที่ทรงประสิทธิภาพโคตรๆ สมการนั้นคือ…
รายจ่าย = รายได้ – เงินออม
สมการนี้จะทรงพลานุภาพเมื่อเราคิดอยู่เสมอว่า รายได้ที่หามาได้นั้นต้องหักเพื่อเก็บออมก่อนเสมอ เสมอ เข้าใจตรงกันนะว่าหักเก็บออมก่อนเสมอๆๆๆๆๆๆๆ ที่เหลือจึงนำไปเป็นค่าใช้จ่าย และเราจะนำเงินที่คิดคำนวณได้นี้ไปลองหาวิธีการจัดการให้พอเพียงเพียงพอในแต่ละเดือนของเรา
5.สรุปรายจ่าย
มาถึงบรรทัดนี้เรารู้แล้วว่าในแต่ละเดือนเราจะเหลือเงินเพื่อใช้จ่ายเท่าไหร่ เราสามารถใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว เราก็แค่บริหารเงินที่เหลือให้ได้ และเราก็บอกตัวเองว่า เงินก้อนนี้เราสามารถใช้ให้หมดได้ และต้องใช้ให้หมดด้วย เพราะเราได้จัดสรรไว้ดีแล้ว มันจะมีปัญหาอะไรถ้าเราใช้หมด ไม่มี! หมั่นทำบัญชีรายรับรายจ่ายสม่ำเสมอ ทำให้เป็นนิสัย มันจะช่วยเราได้เยอะ เวลาสิ้นเดือน จะได้ไม่ต้องมานั่งนึกนั่งคิดว่าในแต่ละวันของแต่ละเดือนเราใช้เงินไปกับอะไรบ้างหนอ อย่าลืมใช้เงินก้อนนี้ให้หมดล่ะ
บทความนี้อาจไม่ได้บอกวิธีการทำให้เรามีเงินใช้ไปตลอดรอดฝั่งในแต่ละเดือน แต่มันคงมีประโยชน์มากมายหากลองลงมือทำดู ลองดูในระยะสั้นก่อนก็ได้ หากดีก็สานต่อแบบยาวๆไป เพราะในระยะยาวขั้นตอนด้านบนก็คือการบริหารจัดการเงินของเราให้เป็นระบบนั่นเอง เมื่อเรามีระบบที่ดี ระบบที่แข็งแรง การใช้จ่ายของเราก็จะมีประสิทธิภาพ การใช้จ่ายของเราจะไม่เข้าสู่วิฤติอีกต่อไป พอถึงสิ้นเดือนจะได้ไม่ต้องมาบ่นกินแกลบ กินมาม่า กินน้ำใต้ศอก(เอ๊ยไม่เกี่ยว) เพราะเราจะกินดีอยู่ดีไปทั้งเดือน แถมมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำด้วยนะเออ ไม่เชื่อก็ลองทำดู รับรองว่าเห็นผลอย่างแน่นอน ซึ่งหากคุณมีความตั้งใจจริงๆแล้ว ไม่ว่าวิธีไหน ก็สามารถทำให้คุณเก็บเงินได้ชัวร์
สมัครบัตรกดเงินสดไว้ จะได้มีวงเงินฉุกเฉิน หมดกังวล เรื่องเงินไม่พอใช้ คลิก สมัครที่นี่