เมื่อถึงเวลาที่ต้องจ่ายภาษี สำหรับผู้ที่ต้องจ่ายเองบางคน ก็อาจจะไม่สะดวกหรือต้องติดงานประจำ ไม่สามารถที่จะไปจ่ายได้ ซึ่งโดยปกติแล้วต้องจ่ายก่อนวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี ถ้าช้ากว่าที่กำหนดไว้ก็อาจจะต้องโดนปรับ จึงจำเป็นที่จะต้องจำวันที่ต้องจ่ายให้แม่น ยำ แล้วเดินเรื่องให้เสร็จเรียบร้อย เพราะมันคือหน้าที่ที่คนมีรายได้ถึงเกณฑ์จะต้องทำให้ถูกต้องในทุก ๆ ปี แต่ทั้งนี้เมื่อยุคสมัยได้เปลี่ยนไป การไปยื่นเรื่องจ่ายภาษีก็มีความสะดวกสบายและไม่ต้องยุ่งยากเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เพราะมีระบบการยื่นจ่ายภาษีแบบออนไลน์ที่สามารถตอบโจทย์คนทำงานในยุคใหม่ และเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนของกรมสรรพากร ที่ผู้จ่ายไม่ต้องมาถึงที่ก็สามารถยื่นจ่ายได้ทุกที่ทุกเวลาทั่วโลกอย่างง่ายดายอีกด้วย
ภาษี คือ เงินที่เรียกเก็บจากประชาชนเพื่อการนำเอาไปพัฒนาประเทศ ในทุก ๆ ด้าน เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเป็นหลักพร้อมการพัฒนาประเทศควบคู่ไปด้วย โดยเก็บจากผู้ที่มีรายได้เข้าขั้นตามเกณฑ์ของกรมสรรพากรโดยมีแยกเป็น 2 ประเภทคือ
- ภาษีทางตรง เป็นภาษีที่เก็บจากประชาชนที่มีรายได้จากการประกอบอาชีพประจำ และผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจการค้า หรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ โดยปกติจะจัดเก็บเป็นรายปี โดยผู้ที่มีรายได้ทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้นต้องนำแสดงรายได้ที่เกิดขึ้นจริงภายใน 1 ปี แต่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นผู้ว่างงานที่ไม่มีรายได้ก็จะได้รับการยกเว้น ซึ่งภาษีเหล่านี้ คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล
- ภาษีทางอ้อม เป็นภาษีที่ได้มากจากการใช้บริการของประชาชนตามสถานที่ หรือร้านค้าต่าง ๆ ที่มักเรียกกันว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประชาชนทุกคนจำเป็นที่จะต้องเสีย เพราะจะเป็นประโยชน์ที่กลับคืนมาแก่ประชาชนใน 2 ลักษณะ คือ นำไปจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการที่เป็นผู้ให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งจ่ายค่าน้ำและค่าไฟของสถานที่ราชการต่าง ๆ และนำมาใช้เพื่อเป็นการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรื่องมากยิ่งขึ้น เช่น การนำมาสร้างโรงเรียนรัฐในชุมชน, สร้างถนนเพื่ออำนวยความสะกวด และจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ตามที่สาธารณะต่าง ๆ ให้แก่ประชาชน เป็นต้น ซึ่งภาษีเหล่านี้จะคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีอากรแสตมป์ และภาษีที่จัดเก็บจากท้องถิ่น เช่นภาษีป้าย, ภาษีโรงเรือน และภาษีบำรุงท้องที่ เป็นต้น
การจ่ายภาษีจึงเรียกได้ว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบของทุกคนในประเทศ โดยมีการแยกผู้ที่ต้องเสียภาษีให้รายได้เป็นไปตามที่ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะมีวิธีคิดที่ถูกกำหนดไว้อีกทีหนึ่ง เมื่อผู้ที่รู้ว่าตัวเองมีรายได้ที่ตรงต่อข้อกำหนดก็จะมีการไปจ่ายในทุก ๆ ปี ซึ่งในการไปจ่ายภาษีนั้นไม่ว่าจะในรูปแบบใด ทางกรมสรรพากรได้มีการปรับให้การจ่ายภาษีเป็นไปอย่างสะดวกและเข้าถึงผู้จ่ายได้เป็นอย่างดี ด้วยการปรับให้มีระบบในการยื่นจ่ายภาษีแบบออนไลน์ที่จะทำให้การจ่ายภาษีสะดวกรวดเร็ว และไม่ต้องเสียเวลาไปถึงที่ทำการก็สามารถจ่ายได้เลยทันทีหรือไม่กระทบงานประจำที่ทำ ทั้งยังช่วยให้เหล่าผู้ประกอบการสามารถจ่ายได้อย่างตรงเวลาและไม่ต้องโดนปรับให้วุ่นวาย
จริงๆอ่านอันนี้ประกอบไปด้วยก็ได้นะคะ >> ยื่นแบบเสียภาษีออนไลน์ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด <<
การยื่นจ่ายภาษีแบบออนไลน์ คือการทำขั้นตอนตามระบบที่ทางกรมสรรพากรได้มีการให้บริการแบบฟอร์มในการยื่นภาษีที่สามารถกรอกได้อย่างง่าย ๆ โดยมีขั้นตอนและคำแนะนำติดไว้ตลอดการกรอกข้อมูล เพื่อป้องกันปัญหาการกรอกข้อมูลผิดจนอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ในภายหลัง ซึ่งมี ขั้นตอนยื่นภาษีออนไลน์ ที่ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
- เตรียมเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกรอก
เช่น แบบ 50 ทวิ หรือใบรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่สามารถขอได้จากทางบริษัท และเอกสารในการยืนยันการลดหย่อนภาษีของเราได้ เช่น เอกสารเกี่ยวกับประกันชีวิต, ใบอนุโมทนาบัตรต่าง ๆ ที่ออกจากมูลนิธิ หรือองค์กรการกุศลต่าง ๆ ที่เราไปบริจาค เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงการบริจาคอยู่เรื่อย ๆ ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
- หลังจากนั้นให้เข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร
คือ http://rdserver.rd.go.th/publish/index.php แล้วเข้าไปกรอกข้อมูลการสมัครเข้าสู่การเสียภาษี แล้วจึงเข้าไปทำตามขั้นตอนที่ทางเว็บได้แนะนำไว้ โดยจะปรากฏเป็นหน้าต่างตามด้านล่างเพื่อให้เลือกประเภทของการลงทะเบียน
- เมื่อกดเลือกเรียบร้อยแล้วก็ให้กรอกข้อมูล
พร้อมทั้งทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และเติมข้อมูลที่เป็นจริงที่สุด
- จากนั้นก็ให้ทำการกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน
และเข้าสู่การกรอกข้อมูลที่เป็นจริงเรื่องของรายได้ พร้อมทั้งกรอกข้อมูลการคำนวณรายได้ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย จากนั้นในช่องอื่น ๆ ระบบจะมีการคำนวณให้เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งใครที่เพิ่งเคยทำก็อย่าเพิ่งท้อใจ เพราะเราเลือกเติมแค่บางช่องเท่านั้น
- ในระบบยังมีการให้เลือกโฟลเดอร์
เพื่อที่จะสามารถเก็บแบบฟอร์มให้ไว้เป็นไฟล์ส่วนตัวเราได้ เมื่อเวลาที่เรากรอกไม่เสร็จแล้วต้องไปทำธุระและต้องการที่จะกลับมากรอกข้อมูลต่อก็สามารถทำได้เช่นกัน
- ตรวจสอบความถูกต้อง
เมื่อกรอกข้อมูลทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบข้อมูลที่กรอกมาอีกครั้งเพื่อจะได้แน่ใจถึงความถูกต้อง พร้อมทั้งการแคป (Capture) หน้าจอไว้เผื่อเวลาที่ระบบเกิดมีปัญหา เราจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาในการนั่งคำนวณเรื่องต่าง ๆ ใหม่ทั้งหมด เสร็จแล้วก็ให้กดปุ่มยืนยันได้เลย
- จากนั้นก็จะเข้าสู่หน้าจอการยืนยันการยื่นแบบ
เพื่อส่งข้อมูลให้ทางสรรพากร ซึ่งจะเป็นการส่งข้อมูลทั้งหมดให้เราตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งก่อนการส่ง และเมื่อเลื่อนมาด้านล่างสุด ก็จะมีช่องร้องขอคืนเงินภาษีก็ให้เลือกในช่องตามความต้องการของผู้ที่เสียภาษีได้เลย
- สั่งพิมพ์หลักฐาน
เมื่อเราทำการกรอกข้อมูลและตรวจสอบความเรียบร้อยพร้อมทั้งส่งแบบฟอร์มยืนยันจนครบแล้ว หน้ายืนยันการทำรายการเสร็จสมบูรณ์ แล้วจึงทำการปริ๊นท์ออกมาได้เลยทันที แล้วนำแบบฟอร์มนั้นไปชำระได้โดยผ่านตู้ ATM, เคาน์เตอร์ทุกธนาคาร, จ่ายผ่าน Internet Banking หรือแม้แต่จะจ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เป็นต้น ก็ทำได้อย่างง่ายดาย สะดวกทันใจอย่างมาก
ถ้าต้องมีการจ่ายภาษีเพิ่มเติม ทางระบบก็จะขึ้นหน้าจอแจ้งข้อมูลไว้เพิ่มเติมเพื่อเราสามารถนำไปจ่ายได้ทางตู้ ATM โดยทางระบบจะมีการให้รหัสควบคุมไว้ แล้วเราก็เอารหัสควบคุมกับเลขบัตรประจำตัวประชาชนไปชำระได้ที่ตู้ATM ของธนาคารต่าง ๆ ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
นอกจากนี้ผู้ที่จ่ายก็ควรที่จะต้องระวังเหล่ามิจฉาชีพที่มักจะโทรมาหลอกเพื่อคืนเงินภาษีที่กำลังระบาดอยู่ให้ดี ๆ เพราะเรื่องของการคืนเงินภาษีนั้นทางกรมสรรพากรไม่มีนโยบายในการโทรไปหาผู้เสียภาษีโดยเด็ดขาด หรือถ้ามีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องของภาษีก็สามารถโทรไปที่สายด่วน 1161 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเข้าอ่านบทความและข้อแนะนำได้ที่เว็บ http://www.rd.go.th/publish/41745.0.html ได้ตลอดเช่นกัน