เมื่อมีความต้องการสินค้าและบริการ ต้องการลงทุนในธุรกิจอย่างการขยายกิจการหรือก่อตั้งใหม่ ต้องการเพื่อใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นอย่างการชำระค่าเทอมบุตร หรือ ชำระค่ารักษาพยาบาล แต่หากมีเงินเก็บสะสมหรือเงินรายได้ที่ได้รับในแต่ละเดือนไม่เพียงพอในการชำระค่าใช้จ่ายดังกล่าว จึงทำให้เกิดพฤติกรรมการเสาะแสวงหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ตอบสนองความต้องการ ซึ่งหากบุคคลมีทรัพย์สินอย่างอสังหาริมทรัพย์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นบุคคลที่มีค่าน่าเชื่อถือ เป็นที่รู้จัก มีรายได้ประจำที่แน่นอน ก็สามารถก่อหนี้กับสถาบันการเงินในระบบได้ หากแต่ต้องการเงินด่วนและไม่มีหลักทรัพย์เป็นของตนเองก็อาจจำเป็นต้องกู้เงินจากนอกระบบทดแทนหรือเพิ่มเติม
ซึ่งเมื่อมีเงินกู้หลายประเภทก็มักจะมีปัญหาในการจัดสรรเงินเพื่อชำระหนี้ และบางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ชะงักไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอันนำมาซึ่งภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างดอกเบี้ยค้างจ่ายสะสม ดอกเบี้ยผิดนัด และเสียประวัติในการชำระหนี้ส่งผลต่อการกู้เงินในอนาคตที่ยากขึ้น ทำให้ต้องเริ่มปรับตัวเพื่อการเคลียร์หนี้ให้หมดโดยไว ซึ่งมีวิธีการดังนี้
1.บริหารจัดการเงินรายได้และค่าใช้จ่าย
จะต้องเริ่มจากการจัดสรรเงินรายได้ให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อจะได้ใช้เป็นตัวกำหนดจำกัดการใช้จ่ายเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวช่วยให้มีเงินเหลือมากขึ้น โดยมีแนวทางดังนี้
- แบ่งการจัดสรรเงินรายได้ให้มีสัดส่วนที่ตรงตามความจำเป็นและตามวัตถุประสงค์สำคัญในการใช้จ่ายเช่น แบ่งรายได้ออกเป็น 4 ส่วน โดยส่วนแรกเพื่อการใช้จ่ายประจำวันอย่างค่าบริโภคอุปโภค ค่าใช้จ่ายรื่นเริง ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ส่วนที่สองเพื่อการใช้จ่ายยามฉุกเฉินอย่างค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมการศึกษา ส่วนที่สามเพื่อการใช้จ่ายพิเศษอย่างค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว ค่าของขวัญเทศกาล และส่วนสุดท้ายเพื่อการใช้จ่ายในการลงทุนก่อให้เกิดผลตอบแทนอย่างการลงทุนในหุ้น กองทุน เงินฝาก หรือซื้อสินทรัพย์แล้วนำไปใช้ในการปล่อยเช่า ซึ่งการแบ่งรายได้เป็นส่วนรายได้ทำให้มีวินัยทางการใช้จ่ายเงินและก่อให้เกิดเงินผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
- หารายได้เสริมพิเศษทำเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่งนอกเหนือจากงานประจำ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันได้ ทั้งยังทำให้มีเงินเก็บสะสมเพื่อจ่ายชำระหนี้สินต่าง ๆ บางส่วนได้ โดยงานพิเศษอาจเริ่มต้นจากสิ่งที่ตนเองชอบ และมีความสนใจ หรือนำความรู้ที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ในการทำงานอย่างเช่น มีความสนใจด้านคอมพิวเตอร์ ก็รับงานที่เกี่ยวกับการออกแบบโปรแกรม งานพิมพ์ งานโพสข้อความ งานกราฟฟิก
- ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายซื้อสินค้าหรือบริการที่ฟุ่มเฟือย ใช้ประโยชน์ได้เพียงไม่นานและเป็นสินค้าประเภทแฟชั่นความนิยมตามยุคสมัย ดังนั้นจึงควรชะลอการซื้อสินค้าดังกล่าวไว้ก่อน และหากต้องการจริง ๆ ควรเก็บเงินสะสมไว้เพื่อซื้อทีเดียวเพราะหากมีเงินไม่เพียงพอก็มีความเป็นไปได้ต้องกู้สินเชื่อเพิ่มหรือใช้บัตรเครดิต/บัตรกดเงินสดรูดซื้อ ซึ่งก็เป็นการก่อหนี้เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
-
บริหารจัดการส่วนหนี้สิน
จะต้องเริ่มจากการแจกแจงภาระหนี้สินแต่ละประเภทที่มีอยู่แล้วจึงบริหารชำระหนี้เงินกู้ต่าง ๆ ให้เหมาะสม เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยให้น้อยลง ซึ่งเป็นต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นได้หากจ่ายชำระไม่ตรงตามกำหนด ซึ่งการบริหารหนี้สินมีแนวทางดังนี้
- แจกแจงรายการหนี้สินทั้งหมดโดยจัดทำเป็นบันทึกแสดงรายละเอียดรายการเงินต้นคงเหลือ เงินที่ต้องผ่อนชำระคืนในแต่ละงวด อัตราดอกเบี้ยหรือดอกเบี้ยจ่าย และระยะเวลาทั้งหมดในการชำระหนี้ ซึ่งการบันทึกรายการทั้งหมดจะทำให้ทราบว่าหนี้สินส่วนใดมีความสำคัญเป็นอันดับแรกที่ควรชำระให้เสร็จสิ้น และลดหลั่นลงมาเพื่อการชำระในลำดับถัดไป โดยเกณฑ์ในการพิจารณาว่าหนี้สินประเภทใดควรจ่ายชำระหนี้ก่อนหากมีเงินเพื่อการจ่ายชำระหนี้ไม่เพียงพอ คือ จำนวนเงินต้นคงเหลือ จำนวนเงินผ่อนชำระแต่ละงวด และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากหนี้เงินกู้ใด มีวงเงินสูงควรเริ่มผ่อนชำระก่อน และหนี้เงินกู้ใดมีอัตราดอกเบี้ยสูงก็ควรเริ่มผ่อนชำระก่อน ส่วนหนี้เงินกู้ใดมีจำนวนเงินผ่อนชำระสูงควรเริ่มผ่อนชำระก่อนเพราะการคิดอัตราดอกเบี้ยจะคิดจากเงินต้นคงเหลือ ซึ่งหากจ่ายชำระเงินต้นในแต่ละงวดต่ำจะก่อให้เกิดการคิดดอกเบี้ยจ่ายในงวดชำระต่อไปสูงขึ้น
- หากมีหนี้เงินกู้ทั้งในระบบและนอกระบบ ควรเริ่มต้นผ่อนชำระหนี้เงินกู้นอกระบบให้หมดก่อน แล้วจึงผ่อนชำระหนี้เงินกู้ในระบบอย่างธนาคารพาณิชย์ บริษัทบัตรเครดิต บริษัทลีสซิ่ง เพราะเงินกู้นอกระบบส่วนใหญ่จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงกว่าในระบบ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามทวงหนี้และดอกเบี้ยที่แพงเกินจริงแบบทบต้น จึงควรรีบชำระให้เสร็จสิ้นก่อน
- หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำมาจ่ายชำระหนี้เงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า โดยแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำอาจหาได้จากสถาบันการเงินอย่างธนาคารพาณิชย์ สหกรณ์ออมทรัพย์ต่าง ๆ ที่เป็นต้นสังกัดที่ทำงานตนเอง (สหกรณ์ออมทรัพย์ครู สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ สหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุข หรือสหกรณ์ออมทรัพย์หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ) อย่างไรก็ตามสถาบันการเงินในระบบจะต้องมีหลักประกันอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น อสังหาริมทรัพย์อย่างที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้าง บุคคลค้ำประกัน หรือเงินฝากค้ำประกันส่วนหนึ่ง เป็นต้น
การมีหนี้เงินกู้หลายส่วนหากไม่สามารถจ่ายชำระได้ตรงตามที่กำหนด แต่ที่ผ่านมาสามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตรงตามกำหนดไม่ว่าจะเป็นหนี้ธนาคารพาณิชย์หรือหนี้จากการเช่าซื้อ แม้กระทั่งหนี้บัตรเครดิต และมีการงานที่มั่นคง มีความน่าเชื่อถือไม่หนีหนี้ ผู้กู้สามารถเจรจาต่อรองกับทางสถาบันการเงินเพื่อขอผ่อนผันหรือขยายระยะเวลารวมทั้งขอลดอัตราดอกเบี้ยจ่ายในปัจจุบัน/อัตราดอกเบี้ยปรับได้ ซึ่งการพิจารณาของสถาบันการเงินก็จะตัดสินใจให้ความช่วยเหลือเป็นราย ๆ ไป โดยดูข้อมูลย้อนหลังของผู้กู้เป็นหลัก ดังนั้นก็สามารถช่วยให้ผู้กู้ลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้บางส่วนและ เคลียร์หนี้ ที่มีอยู่ให้หมดได้ในที่สุด