สำหรับหลายคนที่อาจจะกำลังมืดแปดด้าน และคิดไม่ตกว่าบัตรเครดิตต่าง ๆ ที่มีหนี้สินคงค้างอยู่มากมาย จะจัดการให้หมดไปได้อย่างไร ยิ่งมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีรายได้ทางอื่น บัตรเครดิตและดอกเบี้ยที่กำลังงอกขึ้นทุกวันย่อมทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับกันทีเดียว วันนี้มาลองหาทางเลือกต่าง ๆ ที่จะ เคลียร์หนี้บัตรเครดิต โดยเร็วกันดีกว่า
-
ห้ามมีนิสัยก่อหนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า:
หลายคนคงยอมรับว่าปัญหาบัตรเครดิตที่มีอยู่มักเริ่มต้นง่าย ๆ จากการดึงเงินสดจากบัตรหนึ่งมาจ่ายอีกบัตรหนึ่งก่อนด้วยหวังว่าจะหยุดหนี้เดิมที่มีอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้วหากไม่สามารถปิดหนี้ทั้งหมดได้ในคราวเดียว หรือไม่ยกเลิกบัตรดังกล่าวไปในทันที ก็หมายความเพียงว่า กำลังมีหนี้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งใบโดยไม่ตั้งใจ
ดังนั้นนิสัยที่ห้ามมีโดยเด็ดขาดคือการก่อหนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า ซึ่งนอกจากจะเป็นหนี้ในระบบแล้ว หนี้นอกระบบเช่น ใบปลิวที่แปะตามเสาไฟฟ้า หรือที่สาธารณะต่าง ๆ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ห้ามนึกถึงโดยเด็ดขาดเนื่องจากอาจตามมาด้วยการทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรมและการทำร้ายร่างกายลูกหนี้ดังที่เป็นข่าวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ
-
เริ่มต้นบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคล :
ปัญหาส่วนใหญ่ของคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตเริ่มต้นจาก การใช้จ่ายเงินเพลินมือจากการมีบัตรเครดิตหลายใบมากเกินไปและไม่มีการวางแผนการเงินโดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน วงเงินที่บัตรเครดิตให้มากกว่าเงินเดือนที่มีอยู่ทำให้ง่ายมากที่จะใช้จ่ายเงินเกินความสามารถในการหาเงินมาคืน
ดังนั้น เริ่มต้นจากการบันทึกรายจ่ายประจำวันของคุณ แล้วจะทราบว่าหากบันทึกรายจ่ายในแต่ละวันต่อเนื่องไป 1-2 เดือน ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินได้ หากประหยัดเงินและใช้จ่ายเหลือเฉพาะที่เป็นรายจ่ายประจำเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วอย่างไรก็ตามจะทำให้ยังมีเงินออมคงเหลือในบัญชีของคุณ หรือหลักการเบื้องต้นคือ อย่างน้อยให้กันเงิน 20-30% ของเงินเดือนมาจ่ายหนี้บัตรเครดิต โดยรวบรวมเป็นเงินก้อนเพื่อใช้ชำระหนี้คราวเดียว จากนั้นก็จัดเรียงลำดับภาระหนี้สินบัตรเครดิตที่เร่งด่วนก่อนหลัง และกำหนดการชำระหนี้กับเจ้าหนี้ทีละรายเริ่มต้นจากการประนอมหนี้ก่อนและปิดบัตรเครดิตไปทีละตัว โดยเริ่มต้นจากบัตรที่มีดอกเบี้ยแพงที่สุดก่อน หรืออย่างน้อยที่สุดคือ หากปิดบัตรไหนได้ก่อนก็เร่งขอเจรจาและปิดหนี้ไปทันที
-
หักดิบบัตรเครดิต มีเท่าไรใช้แต่เงินสด :
ถ้ามองย้อนกลับไปก่อนที่จะมีบัตรเครดิต หลายคนอาจนึกออกว่าไม่เคยมีปัญหาการใช้จ่ายเงินเลย เพราะมีเท่าไรก็ใช้ไปเท่านั้นไม่เคยมีหนี้สินคงค้างให้ต้องนอนก่ายหน้าผากอย่างในวันนี้ ดังนั้นจะดีกว่าไหม หากลองดึงบัตรเครดิตออกจากกระเป๋าเงินเสีย และเปลี่ยนนิสัยเป็นใช้เงินสดแทนบัตรเครดิต ลองทำแบบนี้สัก 1-2 เดือนคุณจะเห็นว่าจริง ๆ แล้ว มีรายจ่ายอีกมากที่อาจไม่จำเป็นต้องจ่ายเลย เพราะบางรายการใช้จ่ายบางรายการแพงจนคุณไม่รู้สึกอยากควักเงินสดออกจากกระเป๋า ในขณะที่หากใช้บัตรเครดิตคุณจะจ่ายได้ง่ายเกินไป หลายคนที่ชอบรายการส่งเสริมการขายต่าง ๆ เช่น เก็บคะแนนสะสม ก็อย่าไปให้ความสนใจมากนัก เพราะกว่าจะได้คะแนนสะสมมา ต้องไม่ลืมว่าคุณจะต้องจ่ายเงินเข้าบัตรจำนวนมหาศาลเช่นกัน
-
เพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายลงทันที:
หลายคนอาจจะลองมองหารายได้เพิ่มเพื่อเพิ่มศักยภาพในการชำระเงิน เช่น เปลี่ยนงานที่มีรายได้ดีกว่าเดิม หรือบางรายอาจจะมองหาแหล่งรายได้อื่นมาเสริมเพื่อเป็นรายจ่ายประจำในแต่ละวัน เช่น การทำงานล่วงเวลา การหารายได้พิเศษจากความสามารถส่วนตัว เช่น รับตรวจสอบบัญชี ทำโปรแกรมคำนวณ สอนหนังสือ หรือคนที่มีฝีมือในการทำอาหารอาจจะทำขนมหรือคุกกี้ไปฝากวางขายตามร้านกาแฟที่รู้จัก อย่างน้อยเพื่อเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้รายจ่ายบางรายการที่สูงเกินไปก็อาจต้องปรับลดลง เช่น หากเดิมเช่าห้องพักอยู่อาจเปลี่ยนหรือย้ายหอพักไปห้องที่ขนาดเล็กลง หรือเป็นห้องที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์/เครื่องปรับอากาศ จะทำให้มีรายจ่ายน้อยลงกว่าเดิม เป็นต้น
-
โบนัสปลายปีและเงินพิเศษ :
โบนัสกับเงินพิเศษต่าง ๆ เป็นอีกทางออกที่ดีสำหรับการโปะหนี้บัตรเครดิต และรวมถึงคนที่มีหนี้เงินกู้กับธนาคารต่าง ๆ ด้วย เพราะเป็นเงินก้อนใหญ่ อาจเลือกปิดบัตรเครดิตที่มีวงเงินใกล้ ๆ กับโบนัส ยิ่งหากมีส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากดอกเบี้ยที่ค้างชำระอาจขอต่อรองจ่ายคืนเป็นเงินต้นและขอลดหย่อนดอกเบี้ยบ้างเพื่อให้ตัดหนี้สินกันไปให้หมดในทีเดียว
-
ทางออกสุดท้าย จำหน่ายทรัพย์สินเองดีกว่า :
หลายคนที่มีหนี้บัตรเครดิตกองใหญ่แต่อาจจะยังโชคดีที่มีทรัพย์สินอื่น ๆ อยู่ เช่น ที่ดิน หรือบ้าน หากยืดระยะเวลาการจ่ายหนี้ออกนานเกินไป ธนาคารหรือเจ้าหนี้อาจรวมกันมายื่นประเด็นขอยึดทรัพย์ออกประมูลขายทอดตลาดได้ ซึ่งแน่นอนว่าเงินที่ได้รับอาจจะเพียงพอที่จะชำระหนี้แต่ทรัพย์สินที่ว่าอาจถูกขายไปในราคาไม่สูงหรือไม่ตรงตามราคาที่ควรจะเป็นนัก ถ้าดูท่าทีแล้วอาจมีแนวโน้มโดนยึดทรัพย์ น่าจะดีกว่าถ้าประกาศขายเองก่อน ซึ่งจะทำให้สามารถต่อรองราคาได้ แต่ทั้งนี้ต้องแน่ใจว่าเมื่อจำหน่ายแล้วจะต้องปิดหนี้ทั้งหมดได้ในคราวเดียว หรือหากยังไม่ประสงค์จะขายเอาเงิน ก็ควรย้ายหรือโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นให้คนอื่นก่อนที่ไว้ใจได้ เช่น โอนย้ายกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้พ่อแม่เป็นเจ้าของ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นทางเลือกสำหรับหลายคนที่กำลังมองหาทางออกว่าจะจัดการกับภาระหนี้สินบัตรเครดิตได้อย่างไร และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังเผชิญกับอุปสรรคครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และหวังว่าเมื่อพ้นเมฆหมอกคราวนี้แล้ว แต่ละคนจะมีกำลังใจและวินัยทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ก้าวพลาดซ้ำรอยเดิมในคราวต่อไป