ยามนี้ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนๆ หรือคุยกับใครๆ ก็จะบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี คนมีเงินแต่ไม่เอาออกมาใช้ หรือใช้เฉพาะสิ่งที่อยากได้จริงๆ ซึ่งถ้าจะว่าไปตามภาษาชาวบ้าน คือ คนมีเงินแต่ไม่เอาออกมาใช้ แต่ถ้าพูดตามภาษาเศรษฐศาสตร์อาจจะใช้คำพูดว่า เงินฝืด โดยอ้างอิงดัชนีของแม่ค้า พ่อค้าตามที่ต่างๆ ที่จะบอกว่าช่วงนี้ คนจับจ่ายใช้สอยกันน้อย ขายของได้ยาก ดังนั้นเมื่อภาวะเศรษฐกิจเป็นแบบนี้เราจะเลือกลงทุนอะไรดี
แต่ก่อนที่เราจะไปถึงการเลือกลงทุน เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าภาวะเงินฝืดนั้นคืออะไร ภาวะเงินฝืดหรือ Deflation ตามหลักการแล้วจะหมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากความต้องการสินค้าและบริการของประชาชนหรือผู้ซื้อลดลง คนก็จะไปจับจ่ายใช้สอยกันลดลง เมื่อคนไม่ซื้อ ผู้ขายหรือผู้ผลิตก็ขายสินค้าไม่ได้ และก็จะไปกระทบกับกระบวนการผลิตต่างๆ กระทบกับการจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลไปถึงเศรษฐกิจในภาพรวมให้ตกต่ำลงไปในที่สุด ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำ คือ กระตุ้นให้คนนำเงินออกมาซื้อของ นำเงินออกมาซื้อบริการหรือการท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อให้วงจรธุรกิจต่างๆ สามารถอยู่รอดได้
และถ้าเกิดภาวะเงินฝืดขึ้นมาแล้ว เราจะ เลือกลงทุนอะไรดี
1. เงินสด
ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่เงินสดก็ยังคงเป็นพระเอกอยู่ดี หรือจะเป็นไปตามคำพูดที่ว่าเงินสดคือพระเจ้านั้นก็จะไม่แปลก เพราะในภาวะเงินฝืดนั้นจะทำให้เงินมีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคต เพราะฉะนั้นเราควรที่จะเก็บเงินสดไว้บ้าง เพื่อกันไว้สำหรับการลงทุนในอนาคต ไม่ควรที่จะลงทุนไปซะทีเดียวในช่วงนี้
2. ตราสารหนี้
ก็น่าจะเป็นทรัพย์สินอีกประเภทหนึ่งที่น่าลงทุนในช่วงภาวะเงินฝืด เพราะอย่างน้อยก็ยังสร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้กับเราได้อย่างสม่ำเสมอ และถ้าอยู่ในช่วงภาวะเงินฝืดก็อาจจะทำให้ธนาคารกลางหรือถ้าเป็นของไทยก็คือธนาคารแห่งประเทศไทย อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยลงก็เป็นได้ นั่นก็หมายความว่ามูลค่าของตราสารหนี้จะเพิ่มทำให้เป็นผลดีกับผู้ถือตราสารหนี้ แต่เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในช่วงภาวะเงินฝืดนั้นควรที่จะเลือกลงทุนในตราสราหนี้ภาครัฐและหุ้นกู้บริษัทเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสักนิด เพราะจะมีความมั่นคงและให้ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงอยู่ และอาจจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการผิดนัดชำระหนี้
3. ตราสารทุน
หรือหุ้นที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ อาจจะเป็นจังหวะที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไรที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เพราะบริษัทต่างๆ อาจจะดำเนินธุรกิจได้ยากขึ้น บริษัทต่างๆ ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีมากน้อยแตกต่างกันไป แต่ถ้ายังสนใจที่จะลงทุนในหุ้นช่วงนี้ก็ลองดูเงื่อนไขเหล่านี้ดู
- การเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เช่น อาหารการกิน โรงพยาบาล เพราะเป็นสิ่งจำเป็นเป็นสิ่งที่ต้องใช้อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจไม่ดีแต่คนเราก็ยังต้องกิน ต้องหาหมอ เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้จริงๆ
- ควรเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีขนาดใหญ่มีพื้นฐานมั่นคง เพราะน่าจะเป็นบริษัทที่บริหารงานให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจได้
- ควรเลือกลงทุนหุ้นของบริษัทที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่สูงและเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
- แต่ไม่ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย สิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นกับการใช้ชีวิตประจำวันสักเท่าไร เช่น ธุรกิจเครื่องประดับ ธุรกิจความงาม เป็นต้น
4. อสังหาริมทรัพย์
หากต้องการที่จะลงทุนก็น่าจะต้องวิเคราะห์ข้อมูลกันดีๆ เพราะใช้เงินลงทุนสูงอยู่ไม่น้อย ถ้าต้องการลงทุนเพื่อเก็งกำไรในตอนนี้เนื่องจากเห็นว่าราคาถูกนั้น ก็อาจจะได้แต่ต้องเป็นเงินเย็นสักนิด เพราะในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีก็อาจจะหาผู้ซื้อได้อยากอยู่เหมือนกัน
5. ทองคำ
ก็จะเหมือนอสังหาริมทรัพย์ คือ ถ้าสนใจที่จะลงทุนก็ควรที่จะศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ดีเช่นกัน เพราะราคาทองคำขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ จากภายนอกประเทศ ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ภาวะเศรษฐกิจโลก เนื่องจากราคาทองคำจะอ้างอิงราคาจากตลาดโลก
สรุปแล้วว่าถ้าสนใจที่จะเลือกลงทุนในทรัพย์สินอะไรก็ตามก็ควรที่จะหาข้อมูลเพื่อมาวิเคราะห์ให้ดี และเลือกลงทุนให้สอดคล้องกับสภาพทางการเงินส่วนตัวของเราและระดับความเสี่ยงที่เราจะยอมรับได้