ทุกวันนี้งานหายากกว่างมเข็มในมหาสมุทร ประกาศรับสมัครที่ไหนถ้าไม่เต็มก่อน ก็สอบเข้าทำงานไม่ผ่าน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น นั่นก็เพราะว่า จำนวนของบัณฑิตที่จบการศึกษามากับสัดส่วนของตำแหน่งงาน ไม่เท่ากัน ผู้คนสำเร็จการศึกษามีมากขึ้นทุกสาขาวิชาเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต ที่เป็นเช่นนี้เพราะประเทศของเรามีการสนับสนุนและส่งเสริมเกี่ยวกับการศึกษามากขึ้นมาโดยตลอดนั่นเอง แต่แทนที่จะมีผู้สำเร็จการศึกษาเยอะแล้วได้บรรจุทำงานในสาขาต่างๆมากขึ้น กลับกลายเป็นว่า บางหน่วยงานแทบจะไม่อยากรับคนที่จบใหม่เลย อาจจะเนื่องด้วยเหตุผลเรื่องงบประมาณ แต่เหตุผลสำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทักษะของบัณฑิตจบใหม่ ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตำแหน่งงานในองค์กรนั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนหน่วยงานใด ภาครัฐ ภาคเอกชน ส่วนราชการ ส่วนงานของรัฐวิสาหกิจ ล้วนแล้วแต่ต้องการทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพและศักยภาพที่ตรงตามคุณสมบัติที่หน่วยงาน,องค์กรนั้นๆต้องการ หากคนที่จบมาสายตรงเช่น ครู พยาบาล แพทย์ เภสัชกร วิศวกร ทนายความ ฯ ส่วนมากจะไม่ค่อยตกงาน เพราะมีตำแหน่งรองรับหมุนเวียนตลอด แต่ว่าจะประมาทไม่ได้เหมือนกัน เพราะข้อสอบนั้นจะยากกว่าตำแหน่งงานทั่วไป อย่างเช่น ครู กับแพทย์ เป็นวิชาชีพขั้นสูง การคัดคนเข้าทำงานจะยากและหลายขั้นตอน เพราะเป็นอาชีพที่ต้องรับผิดชอบสูงและเกี่ยวข้องกับความเป็นไปของผู้คนส่วนมากนั่นเอง แต่ใครที่จบสายอื่นด้านอื่นก็ใช่ว่าจะหางานง่าย บางคนจบมาด้านหนึ่ง แต่สุดท้ายพบว่าตัวเองสนใจงานอีกด้านหนึ่ง
เพราะฉะนั้นแล้ว ใครที่เพิ่งจบใหม่หรือยังเรียนไม่จบ รีบมาทำความเข้าใจเพื่อเตรียมตัวสมัครงานที่ใช่ในอนาคตได้เลย ใครที่ไม่อยากตกงาน วันนี้เรามีเคล็ดลับดีดี ไม่ให้ตกงาน มาบอกกล่าวท่านค่ะ
โปรไฟล์ที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
คุ้นๆนะคะ เหมือนกับการเริ่มต้นที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่งนั่นเองค่ะ โปรไฟล์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการทำคะแนนให้ได้เกียรตินิยมหรือมีใบประกาศเกียรติคุณเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณมีความสามารถหรือทักษะอะไรบางอย่าง หรือเคยทำกิจกรรม งานพิเศษในลักษณะใดบ้าง ที่เป็นห่วงก็คือ ส่วนใหญ่จะชอบเอาเกรดมาโชว์กัน ถึงจะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับเข้าทำงานก็จริง แต่ถ้าไม่เคยทำอะไรเลย หรือไม่เคยผ่านลักษณะการทำงานในแบบใดมาก่อนเลย ก็อาจจะต้องได้พิจารณากันใหม่ค่ะ ทักษะเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากในการทำงาน ต่อให้มีความรู้มากมายแต่ขาดทักษะการทำงาน ขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ก็ยากที่จะขับเคลื่อนองค์กรหรือนำเอาความรู้นั้นไปใช้ในการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นถ้าใครที่เรียนกำลังศึกษาอยู่ พยายามหากิจกรรมทำเยอะๆนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการไปทำค่าย ออกชุมชน บำเพ็ญประโยชน์ จัดสัมมนาให้ความรู้ หรือการหารายได้พิเศษระหว่างเรียน ก็จะช่วยให้ตัวเราเองมีบางอย่างที่มีค่ามากกว่าตัวเลขเกรดเฉลี่ยแน่นอน อย่างน้อยก็พอจะมีคุณสมบัติในเรื่องการทำงานมาบ้าง อาจจะได้รับพิจารณาให้เข้าทำงานเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับผู้ที่ยังขาดประสบการณ์
มีทักษะความสามารถพิเศษ
อย่ามองว่าเป็นเรื่องไร้สาระนะคะ การที่เรามีความสามารถเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์นั่นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความพิเศษของตัวคุณ เช่น บางคนอาจจะเก่งในเรื่องของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ พูดได้หลากหลายภาษา เป็นนักสร้างสรรค์ออกแบบได้เยี่ยมยอด มีทักษะการเขียน ร้องเล่นเต้นเก่ง ฯ งานทำงานไม่ได้มีหน้าที่เฉพาะตายตัวอย่างเดียว ว่าจะต้องทำแค่งานในหน้าที่นั้นๆ คนที่มีความสามารถหลากหลายย่อมทำงานได้หลากหลาย แล้วใครล่ะคะที่จะไม่อยากรับเข้าทำงานบ้าง
พูดภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอื่นๆได้
เป็นทักษะอันดับต้นๆที่จะเอามาพิจารณากันเลยทีเดียว ยิ่งปีนี้เข้าสู่การเปิดประชาคมอาเซียนอย่างเต็มตัว ก็ยิ่งมีความจำเป็น การที่บุคลากรในองค์กรสื่อสารกับชาวต่างชาติและเข้าใจได้ ยิ่งเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์และความก้าวหน้าขององค์กร ถ้าให้เปรียบเทียบคนสองคนที่มีความรู้เท่าๆกันแต่ระหว่างคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้กับคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ คิดดูแล้วกันค่ะ ว่าใครจะมีโอกาสได้งานมากกว่ากัน
มีทัศนคติเชิงบวก
และรักในอาชีพการงานนั้นๆ ต้องมีคำถามตอนสอบสัมภาษณ์บ้างล่ะค่ะ ที่จะถามประมาณว่า คุณมีอะไรที่คิดว่า เราต้องรับคุณเข้าทำงาน ถึงตอนนี้ให้หยุดคิดตั้งสติสักครู่ แล้วค่อยพูดออกไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองเลยค่ะว่า เรามีความเชื่อมั่นมากแค่ไหน และรักงานนี้อยากจะทำมันมากแค่ไหน แต่ระวังอย่างหนึ่งค่ะว่า อย่าพยายามปั้นน้ำเป็นตัว เพราะคนที่เป็นกรรมการก็เก่งเหมือนกันนะเออ ไม่ต้องยอตัวเองมาก แต่ก็ไม่ใช่ให้ขาดความมั่นใจ จงคิดในแง่บวกไว้เสมอ เราเองอาจจะยกประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราสักเรื่องที่คิดว่า จะสามารถสนับสนุนความมั่นใจของเราได้ นี่ล่ะค่ะ ถึงได้บอกในช่วงต้นๆว่า ทักษะและประสบการณ์มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เวลาพูดจะได้ไม่เคอะเขิน พูดได้เต็มปาก เพราะเรามีโปรไฟล์ที่ดีนั่นเอง
บุคลิกภาพ
ภายนอกก็เป็นส่วนสำคัญ การแต่งตัว การมีมารยาท ยิ้ม ไหว้ ทักทาย สุภาพ อ่อนน้อม วางตัวเหมาะสม ถือเป็นจุดที่สามารถดึงใจได้ในระดับหนึ่ง การแสดงออกภายนอกบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนภายใน ทำทุกอย่างด้วยความมั่นใจและฉลาดที่จะเลือกดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ หลายคนชอบเดินหลังค่อม นั่งตัวงอ ให้รีบปรับเลยค่ะ ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน พยายามปรับให้ตรง เพราะความสง่างามและการมีบุคลิกภาพที่ดีนับว่าเป็นด่านแรกๆของการพิจารณาเลยก็ว่าได้
อ่านเพิ่มเติม >> ทำยังไง ? เมื่อ เรียนจบไม่มีงานทำ <<
เอาล่ะค่ะ สำหรับช่วงต้นปีแบบนี้ ได้มีโอกาสอ่านข่าวประกาศรับสมัครงานจากหลากหลายองค์กรอยู่เหมือนกันทั้งภาครัฐและของเอกชน อย่างไรก็ตาม ทั้ง 5 ตัวอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นคำแนะนำสำหรับคนที่กำลังหางานอยู่จะได้มีการเตรียมตัวที่ดี ใครที่ตั้งใจจะสมัครงานในตำแหน่งไหน ถ้าไม่อยากพลาดโอกาส ก็พยายามฝึกนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษะความรู้ความสามารถในการทำงานและภาษาอังกฤษ ยิ่งเราทำได้หลายอย่างยิ่งมีโอกาสมาก เพราะอย่างน้อยก็ต้องมีสักอย่างแหละที่จะตรงใจผู้ว่าจ้าง การพัฒนาความรู้ พัฒนาบุคลิกให้เป็นที่น่าสนใจ งานดีดีก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมมือแน่นอนค่ะ พยายามเข้าไว้เป็นกำลังใจให้คนสู้งานทุกคนนะคะ