บทความนี้ขอถือโอกาสพูดถึง มนุษย์ Gen Y กันสักเล็กน้อยนะคะ เพราะเชื่อว่าคน Generation นี้ส่วนหนึ่งก็คงกำลังศึกษาอยู่ หรือที่ใกล้จะจบแล้ว อีกส่วนก็มีทำงานไปบ้างแล้ว หลายคนสงสัยว่าทำไมเราต้องมาพูดถึง คน Genนี้กัน ถึง คน Gen Y นี้มีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจอะไร เรามาศึกษาไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
Generation Y หมายถึง กลุ่มบุคคลที่เกิดในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2523-2540 คนยุคนี้เกิดมาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่างๆที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้คน Gen Y มีทัศนคติและค่านิยมแตกต่างไปจากคนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย คน Gen Y เห็นวิวัฒนาการของเทคโนโลยีมาเรื่อยๆ จนทำให้พวกเขามีความคิดที่มีการพัฒนาตามไปด้วย พวกเขาตื่นเต้นที่จะลองใช้อะไรใหม่ๆ โทรศัพท์รุ่นใหม่ นวัตกรรมใหม่ๆ เพราะสิ่งที่เขาเห็น ตอนที่เขาเกิดและเมื่อโตมานั้น เทคโนโลยีต่างๆเพิ่งเริ่มที่จะมีการพัฒนา และวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ เช่น จากเครื่องพิมพ์ดีดมาเป็นคอมพิวเตอร์ จากคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ๆมาเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา(โน้ตบุค) จากโน้ตบุคมาเป็นแท๊บเล็ต จากแท๊บเล็ตมาเป็นสมาร์ทโฟนที่ล้ำสมัย จอเล็กๆก็ใช้ทำงานต่างๆไม่แพ้คอมพิวเตอร์เลย แถมยังทำงานได้หลากหลายอย่างอีกด้วย จึงทำให้คน Gen Y มีพฤติกรรมที่แสดงออกมาตอบสนองเช่นเดียวกัน ในลักษณะที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยหยุดสงสัย มีคำถามในหัวเสมอ และต้องการคำตอบเป็นเหตุเป็นผลที่ดีพอซะด้วย นั่นจึงทำให้คน Gen Y มักมีปัญหาครอบครัวกับพ่อแม่ในเรื่องความคิดที่ไม่ตรงกันมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ
เมื่อคน Gen Y ได้เติบโตมาในสังคมของการเปลี่ยนแปลงและเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างความคิดค่านิยมสองขั้วเช่นนี้(อนุรักษ์นิยมกับเสรีนิยม) คน Gen Y จึงถูกมองว่าเป็นพวกเลื่อนลอยไม่เอาไหน ไม่อดทน เอาการเอางาน ที่จริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่เคยหยุดที่จะค้นหาตัวเองต่างหาก ความคิดของพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้ยึดติดกับอะไรนานๆ เพราะเขารู้ว่า สักวันมันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มันไม่มีอะไรแน่นอน และนอกจากเป็นช่วงที่มีความหลากหลายในทุกๆสิ่งทุกอย่างแล้ว พวกเขาก็มีความสนใจแทบจะทุกอย่างเลยทีเดียว ตั้งแต่วิทยาการที่ก้าวหน้า ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ สนใจเทคโนโลยี ไปจนถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ จิตวิทยา เข้าใจตนเองและคนอื่นฯ ดังนั้น ความรู้ที่หลากหลายนี่ล่ะ ที่ทำให้คน Gen Y มีความสามารถที่หลากหลายไปตามๆกัน ถ้าไม่เชื่อก็ลองสำรวจตัวเองดูค่ะว่า เรามีความสนใจที่หลากหลายจริงๆหรือไม่ ? และก็ไม่ต้องแปลกใจไปว่า ทำไมคนสมัยนี้ถึงเปลี่ยนงานบ่อย จะว่าเรื่องผลตอบแทนหรือเศรษฐกิจการเงินไม่ดีอย่างเดียวก็เห็นทีจะไม่ได้ สำหรับคน Gen Y แล้ว ถ้างานที่ทำมันซ้ำซากจำเจ ไม่ได้ทำให้ชีวิตเขามีสีสันหรือได้พัฒนาตัวเองเลย หรืองานที่เขาทำเพราะโดนบังคับให้ทำ ไม่ได้มีใจรักอยากทำจริงๆ แบบนี้ก็เปลี่ยนงานดีกว่า ถือคติ งานที่ใช่ งานที่ชอบ มาก่อนปัจจัยเรื่องเงินเสมอ
แล้วถ้าเป็นแบบนี้ การไม่มีความมั่นคง เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ จะสามารถคาดหวังกับอนาคตที่ดีของคน Gen Y ได้หรือไม่ ?
ก่อนอื่นต้องถามว่าความมั่นคงนั้นเป็นอย่างไร ต้องมีสวัสดิการของรัฐ มีเบี้ยเลี้ยง มีสิทธิประโยชน์ต่างๆเท่านั้นใช่หรือไม่ ? ถ้าตอบใช่ ก็อยากถามต่ออีกว่า ถ้าสมมติวันหนึ่งบริษัทเกิดขาดทุนหรือมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่จะส่งผลกระทบต่อเราเอง เงินเดือนที่เคยได้ต้องถูกปรับลดลงหรือค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น แบบนี้ยังจะเรียกว่ามั่นคงอยู่อีกไหม ? ดังนั้นความมั่นคงจริงๆไม่มีจริงหรอกค่ะ มันก็แค่สิ่งที่เราสมมติขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยต่างหาก แล้วความมั่นคงที่ว่านี้ยังกลับขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกอื่นๆอีกอย่างเช่น รัฐบาล นโยบาย ฯ ถามว่าแล้วทำไมเราต้องให้คนอื่นมาสร้างความมั่นคงให้กับเราด้วย ในเมื่อความสามารถของเรามีหลายด้าน ทำไมเราไม่สร้างเองซะเลย
หนทางที่คน Gen Y จะเจองานที่ใช่และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนั้น สุดท้ายแล้วก็มักจะขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง ว่าจะสามารถดึงเอาศักยภาพของตัวเองที่มีออกมาใช้ได้หรือไม่และทนแรงกดดันจากสังคมมากน้อยแค่ไหน ฉะนั้นแล้ว อยากทำอะไร ให้ทำไปเลย ทำให้สุด ชอบอะไรให้ศึกษาจนสุดความสามารถและพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่าทำตัวเอื่อยเฉื่อยเป็นเหมือนลมพัดไปพัดมา วางเป้าหมายให้ชัดเจนและเชื่อมั่นในตัวเอง บริหารจัดการเวลาในแต่ละวันให้ลงตัวที่สุด เชื่อว่าถ้าคน Gen Y สามารถแยกการทำงานกับการใช้ชีวิตออกจากกันได้จะดีมาก เพราะโดยเนื้อแท้ของคน Gen Y นั้นจะชอบทำงานไป ชิวไป สโลว์ไลฟ์ไป พวกเขาจะแยกงานกับการพักผ่อนไม่ค่อยได้ จึงทำให้งานบางอย่างล่าช้าหรือไม่เสร็จภายในเวลาที่กำหนด การทำบันทึกเตือนความจำจะช่วยให้คน Gen Y สามารถขจัดจัดปัญหาที่เกิดขึ้นรอบตัวและสามารถลำดับความสำคัญของภาระงานได้ดี
การเป็นมนุษย์ Gen Y นั้นอาจจะลำบากสักหน่อยตรงที่ Generation เป็นช่วงอยู่ระหว่าง ความเป็นอนุรักษ์นิยมและเสรีนิยม คนรุ่นเดิมที่เกิดก่อนช่วงนี้ จะมีความคิดไปในอีกแบบหนึ่ง ที่ต้องการความมั่นคงและความปลอดภัย ต่างกับคน Gen Y ที่ใช้ชีวิตแบบโลดโผน ทะเยอทะยานมีขึ้นมีลง จึงทำให้ถูกตำหนิอยู่บ่อยๆ แต่ด้วยความคิดที่มีความเป็นเสรีนั้น จึงทำให้พวกเขาเข้าใจคนรุ่นก่อนหน้าและคนรุ่นต่อไป จึงเป็นความหวังว่า คน Gen Y นี่แหละที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของประเทศ การเปลี่ยนแปลงทั้งด้านค่านิยม ทัศนคติ แนวคิด ความเชื่อ ในคน Gen Y ที่จะเป็นพ่อเป็นแม่ของคนรุ่นต่อๆไปนี้ มีแนวโน้มที่จะพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน ฉะนั้นแล้ว คน Gen Y ต้องสร้างจุดยืนของตัวเองให้ชัดเจนให้ได้ แล้วทำมันให้ดีที่สุด