คน ยุคเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) หรือเกิดในช่วงยุค พ.ศ. 2489 – 2507 ซึ่งคนยุคนี้ว่าง่ายคือรุ่นคุณปู่ คุณย่า หรือ คุณพ่อ คุณแม่ ช่วงอายุจะไล่เรียงตั้งแต่ 52- 70 จะว่าไปคนยุคนี้คือรุ่นบุกเบิกรุ่นที่ 2 ของหลายๆตระกูลหรือหลายๆครอบครัว ที่สร้างเนื้อสร้างตัวทำกิจการเป็นมรดกไว้ให้ลูกหลาน ซึ่งคนรุ่นนี้จะเกิดจากคนรุ่น Silent Generation หมายถึงคนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2468-2488 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายของยุคสมัยจากความยากแค้นหลังสงครามสู่การพัฒนาในด้านต่างๆเป็นยุคแรกทั้งการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา นวัตกรรมต่างๆที่เริ่มก่อร่างมาในยุคนี้ แต่ยังไม่ทันสมัยยังไม่กว้างขวาง
สภาพเศรษฐกิจในยุคนั้นเน้นการประหยัด เพราะถือว่าประเทศเพิ่งเริ่มพัฒนา ค่าครองชีพหากเทียบกับสมัยนี้อาจจะดูว่าไม่แพง แต่สำหรับยุคนั้นแล้วก็ถือว่าแค่พออยู่กันได้ ผู้คนในยุคนั้นเริ่มให้ความสำคัญกับการศึกษามากกว่าคนยุค Silent Generation เพราะบ้านเมืองสงบ มีการค้าขายได้อย่างต่อเนื่อง จึงหันมาเน้นที่การศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ของประชากร แรงงานไม่ขาดแคลน การเข้าทำงานรับตั้งแต่วุฒิการศึกษา ป4. ก็ทำงานโรงงานได้ ได้ค่าแรงกันรายวัน เพราะอยู่ในช่วงเริ่มยุคอุตสาหกรรมต่างๆ จึงต้องการแรงงาน และส่วนใหญ่จะเป็นคนในประเทศมาจากต่างจังหวัด หรือคนที่ต้องการทำงานหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว บางคนทำงานไปด้วยก็เรียนศึกษาผู้ใหญ่ตอนเย็นหลังเลิกงานไปด้วย ซึ่งยุคนั้นมีสอนกันตอนเย็นๆ ทำให้คนในยุค Baby Boomer เหมือนจะผสมผสานนิสัย แนวความคิดของคนยุคเก่ากับสิ่งใหม่ๆในยุคของตัวเอง
ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยดีมากนักทำให้มีทั้งคนที่เน้นเรียนหนังสือ และทำงานผสมผสานกันไป ด้วยความที่เกิดมาในยุคที่อะไรๆเพิ่งเริ่มการเปลี่ยนแปลงทำให้คนยุคนี้เน้นหนักไปทางประหยัด อดทน ตามที่คนรุ่นก่อนสอนมา ความมีระเบียบวินัยเรื่องการเงินจะมีค่อนข้างมากและหวังสร้างเนื้อสร้างตัวทำกิจการเพื่อจะหนีจากความจนเหมือนที่คนรุ่นเก่าๆได้ประสบและถ่ายทอดประสบการณ์กันมา ดังนั้นเราจะเห็นในยุคนี้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในกิจการต่างๆ มักจะอยู่ในช่วงยุคของ เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) ค่อนข้างมากด้วยเหตุผลอย่างที่กล่าวมา
ซึ่งคนยุคนี้อาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไปเวลาที่พ่อแม่หรือปู่ย่า ดุหรือเอ็ดเรื่องการใช้เงินว่าทำไมไม่ประหยัด ทำไมไม่อดออม ก็มักจะไม่เข้าใจและคิดว่ามันไร้สาระ เพราะคนยุคนี้ส่วนมากเกิดมาพร้อมกับความสบายในสิ่งที่พ่อแม่หาไว้ให้ มีบ้านแล้ว มีที่ดิน มีรถ มีเงินให้ใช้จ่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เลยจะไม่ค่อยรู้ว่าเงินนั้นหายากขนาดไหน คนยุค บี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) ทำงานรายวันค่าแรงยังไม่ถึง 100 บาทก็มี เงินเดือนแพงสุดในบริษัทก็ยังไม่ถึง 10,000 บาทก็มี แต่เขาก็อยู่กันมาได้สร้างเนื้อสร้างตัวกันมาได้ เพราะรู้จักความอดทน และมีวินัย
นิสัยการใช้เงินของคน ยุคเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) นั้นบอกได้จากประสบการณ์ส่วนตัวที่มีญาติๆเป็นคนรุ่นนี้ส่วนใหญ่ ประหยัด มีการวางแผนการเงินแบบง่ายๆ คือเก็บออม คนไหนทำงานราชการ วิสาหกิจ ก็จะเข้ากองทุนมรณภาพ เพื่อออมเงินสำหรับเป็นมรดกให้ลูกหลาน บางคนก็ซื้อกองทุนต่างๆเพราะหลายคนก็ใกล้เกษียณอายุกันแล้ว คนที่ผ่อนบ้านตั้งแต่เริ่มทำงานก็จะอดทนกับการผ่อนบ้านไว้ให้ลูกๆ ใช้เงินอย่างประหยัดไม่จำเป็นจะไม่สร้างหนี้ เราจึงมักจะเห็นคนรุ่นนี้อยู่อย่างพอเพียงมากกว่าคนรุ่นปัจจุบัน อะไรเสียก็จะซ่อมก่อน หากซ่อมไม่ได้จึงจะทิ้ง ข้าวของต่างๆจะใช้กันอย่างทนทานเพราะหากซื้อใหม่มันแพง ยิ่งหากคนไหนเริ่มต้นจากศูนย์คือไม่มีอะไรเลย จนกระทั่งสร้างเนื้อสร้างตัวได้บอกเลยว่าจะตระหนี่และประหยัดจนเข้าขั้นงก เพราะรู้จักค่าของเงินรู้จักว่าความลำบากและความจนคืออะไร และมักจะนำสิ่งที่ผ่านมานั้น มาสอนลูกหลาน
แต่เมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยน คนรุ่นนี้ในปัจจุบันจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยซึ่งบางคนนั้นตามกระแสจนต้องเรียกว่าใจแตกตอนแก่กันก็มี บางคนจากที่เคยประหยัดๆก็ถึงกับหมดเงินกับสิ่งยั่วยุในสมัยนี้ก็มีให้เห็น ดังนั้นหากตอนนี้เราเห็นคนวัยคุณลุงคุณป้านั่งเล่นไอแพดก็คงไม่แปลก หรือบางคนอาจทำงานออนไลน์อยู่กับบ้านก็มีซึ่งมันเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้แน่ชัดเลยว่า คนยุคนี้ประหยัดมากกว่าคนยุคปัจจุบัน อะไรที่หยิบจับแล้วเป็นเงินเป็นทองก็มักจะทำและให้ความสำคัญกับการใช้เงิน และที่สำคัญหวงมากด้วยเรื่องเงินๆทองๆ เพราะหามาได้ด้วยความลำบาก ไม่เชื่อลองถามคุณปู่ คุณย่า กันดูว่ายุคสมัยของท่านั้นเป็นแบบนี้จริงไหม