เคยลองคิดกันเล่นๆ หรือเปล่าว่าถ้าวันหนึ่งเราเผื่อฟลุ๊กได้เงินก้อนมาแล้วจะเอาไปทำอะไรกันดี ไม่ว่าเงินนั้นมาจากการได้มรดก ได้จากถูกหวย หรือได้เงินโบนัสมาจากการทำงาน ถ้าเราไม่มีหนี้สิน เงินก้อนนั้นก็เก็บออม ลงทุนก็จบได้ แต่ถ้าเราเป็นคนมีหนี้สินอยู่แล้วจะเลือกทางไหน จะเอาไปเก็บออม ลงทุนหรือปิดหนี้ ดี
ก่อนอื่นเราก็ต้องมาสำรวจตัวเราก่อนว่าเงินก้อนที่เราได้มา ถ้าเอามาปิดหนี้แล้วเราจะหมดหนี้ไปเลยหรือเปล่า แล้วเงินที่เราเคยใช้ผ่อนหนี้ในแต่ละเดือนก็จะเหลือมาให้เราใช่หรือไม่ ถ้าใช่ก็เอาเงินที่ได้มาไปจ่ายหนี้เสียเถิด ถือคติที่ว่าการไม่มีหนี้คือโชคดีที่สุด แต่ถ้าไม่ใช่เรามาหาคำตอบกันดีกว่าว่าจะ ลงทุนหรือปลดหนี้ ดี
อย่างแรกเราต้องสำรวจหนี้สินทั้งหมดก่อนว่ามีเงินต้นเท่าไร ดอกเบี้ยเท่าไร ถ้ามีหลายก้อนเราก็คงต้องให้ความสำคัญในการเลือกที่จะปิดหนี้ โดยส่วนมากวิธีที่ใช้กันก็ คือ ใช้อัตราดอกเบี้ยมาเปรียบเทียบกัน ให้เลือกจ่ายหนี้ดอกเบี้ยที่แพงที่สุดก่อน
หลังจากนั้นก็มาดูว่าเงินก้อนที่เราได้มานั้น มีทางเลือกในการลงทุนอะไรบ้างที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ เช่น ถ้าเราไม่ชอบเสี่ยงอยากให้เงินต้นอยู่ครบ ก็ลองมองหาเงินฝากประจำที่ให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าคนอื่นๆ สักหน่อย เพราะเงินส่วนนี้เหมือนกับเป็นเงินลงทุนเริ่มต้นของเรา หรือจะเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เพราะเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำสุด หรือถ้าต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นมาอีกสักหน่อยก็อาจจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีการลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้ภาคเอกชน แต่ความเสี่ยงที่เงินตั้งต้นของเราอาจจะไม่เท่าเดิมก็มีอยู่บ้าง หรือถ้ากล้าได้กล้าเสียมากๆและมีความรู้เพียงพอในตลาดหุ้นก็ลองลงทุนในหุ้นดู เพราะผลตอบแทนที่ได้อาจจะสูงกว่าการฝากเงิน แต่อย่างที่บอกผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงที่เงินตั้งต้นจะหายไปก็สูงอยู่เหมือนกัน
หรือบางคนอาจจะบอกว่าอยากเอาเงินที่ได้ไปลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว ก็ไม่ว่ากันแต่เราก็ต้องสำรวจตลาดให้ดีๆ ว่ามีคนขายอยู่เท่าไร มีคนซื้อมากน้อยแค่ไหน ถ้าทำไปแล้วทุนที่เราจะมีอยู่จะได้คืนเมื่อไร ถ้าขาดทุนขึ้นมาเรารับได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการขายของไม่ว่าเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ในตอนนี้ก็มีคนขายอยู่ในตลาดไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งเราจะต้องศึกษา วิเคราะห์และวางแผนในการเปิดร้านของเราให้ดี
มาลองดูตัวอย่างกันดีกว่าสมมติว่าเราได้รับเงินส่วนแบ่งจากมรดกมาประมาณ 500,000 บาท ถ้าเราไม่มีหนี้เราจะเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไรก็ได้ แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่….หนี้สินก็ยังมีอยู่
ก็ไม่เป็นไร เรามาดูหนี้สินของตัวเองก่อนว่ามีอะไรบ้าง โดยต้องเขียนมาให้หมดว่าเป็นกี่ก้อน มียอดเท่าไรบ้าง และแต่ละก้อนมีดอกเบี้ยเท่าไร ซึ่งพอเขียนออกมาแล้วก็ได้ตามตารางกันเลย
ถ้าดูตามยอดหนี้ที่เรามีอยู่สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ เอาเงินที่ได้มาไปปิดบัตรเครดิตดีกว่า เพราะดอกเบี้ยสูงที่สุด แถมปิดแล้วก็ยังเหลือเงินอยู่อีก ส่วนสินเชื่อรถยนต์นั้นเราก็ไม่ควรไปปิด เพราะว่าเราถูกคิดดอกเบี้ยไปแล้ว อดทนผ่อนต่อไปดีกว่า เพราะปิดเร็วก็ไม่ได้ประโยชน์สักเท่าไรจากการปิดยอดหนี้เรา ดังนั้นจากเงิน 500,000 บาทที่มีอยู่ เมื่อเอาไปปิดบัตรเครดิต 2 ใบแล้ว เราก็ยังมีเงินเหลืออยู่ตั้ง 322,000 บาท ทีนี้เราก็มาวางแผนกันต่อว่าเงินที่มีอยู่สามแสนกว่าบาทนี้ จะเอาไปลงทุนอะไรดีที่ให้ผลตอบแทนตามที่เราต้องการ ดูตามตารางที่เปรียบเทียบกันเลยก็ได้
ซึ่งการเปรียบเทียบนี้ใช้ข้อมูลตัวเลขแบบคร่าวๆ เท่านั้น ว่าถ้าเราลงทุนด้วยเงิน 300,000 บาทเท่ากัน ในระยะเวลา 1 ปี จะได้เงินตอบแทนเท่าไร ซึ่งบางคนอาจจะแบ่งเงินเป็น 3 ก้อนแล้วลงทุนทั้ง 3 แบบเลยก็ได้ หรือบางคนอาจจะเลือกลงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่ว่ากัน แต่ไม่ว่าจะลงทุนในอะไรก็ควรจะศึกษาข้อมูลให้เข้าใจกันเสียก่อน
เพราะฉะนั้นถ้าต้องเลือกเราก็น่าจะปิดหนี้ก่อน เพราะการไม่มีหนี้เป็นความสุขที่สุดแล้ว มีเงินเหลือก็ค่อยมาลงทุนที่คิดว่าเหมาะสมกับตัวเองที่สุด