ราคาทองคำในตลาดโลกเวลานี้มีความเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่างวันที่ไม่มากนัก นักลงทุนยังต้องจับตาดูกระแสธุรกิจโลก และจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี ซึ่งนักลงทุนยังคาดว่าทางอีซีบีจะยังสามารถตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม แต่ก็อาจจะย้ำถึงความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะเป็นการดีที่ทางอีซีบีจะมีการผ่อนคลายนโยบายของตัวเองลงต่อไปได้อีกสักระยะ ซึ่งในการลงทุนของนักลงทุนก็ยังคงต้องมีความระวังอยู่มากในช่วงไตรมาสแรก
ในขณะที่ ทิศทางราคาทองคำ ของประเทศไทยซึ่งทางนายกสมาคมคมค้าทองคำคาดว่าราคาต่ำสุดภายในประเทศก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 17,500 บาท และไม่น่าจะสูงไปกว่า 20,500 บาท ซึ่งเป็นการแกว่งอยู่ในกรอบแคบ เนื่องจากยังต้องรอการวิเคราะห์ในเรื่องความวิตกกังวลของนักลงทุนที่มีต่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาหรือเฟด ที่ยังคงไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยในต้นปี 2559 เศรษฐกิจภายในประเทศก็ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ทำให้การซื้อขายทองคำก็ยังคงไม่คึกคักไปด้วย
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าทางเฟดจะมีการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมกราคมหรือไม่ก็เดือนมีนาคม 2559 จากนั้นก็อาจจะมีการทยอยขึ้นอีก 2-3 ครั้ง รอบละ 0.25% ราคาทองคำจึงอาจจะร่วงลงได้ในการปรับดอกเบี้ยขึ้นของเฟดในครั้งแรก ซึ่งเมื่อปลายปี 2558 ที่เฟดยังไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองคำในประเทศก็มีแนวโน้มรับบาทละ 19,000-19,100 บาท แต่ถ้าต้นปี 2559 เฟดมีความชัดเจนเรื่องชี้ดอกเบี้ย ราคาทองคำก็อาจจะตกมาอยู่ที่บาทละ 18,500-18,600 บาท ราคาจะยังคงแกว่งตัวต่อไป จะไปคล้ายลักษณะของราคาที่แกว่งตัวในครึ่งปีแรกของปี 2558 ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังก็จะมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพราะทางเฟดน่าจะเริ่มชัดเจนในการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว จึงอาจจะทำให้ราคาของทองคำจะมีการฟื้นตัวตามไปด้วย
ทิศทางราคาทองคำ เมื่อปี 2558 ตลาดทองคำมีความซบเซาและอยู่ในขาลงมาตลอด ซึ่งน่าจะยาวไปถึงต้นปีหน้าที่อาจจะยังต้องซบเซาต่อไป เพราะราคาทองคำที่ยังคงปรับลดราคาอยู่เรื่อย ๆ ดัชนีราคาทองคำ แต่เมื่อเดือนตุลาคม 2558 กลับฟื้นตัวขึ้นมาจากเดือนก่อนอยู่ที่ 7.60 จุด สู่ระดับ 51.47 จุด เป็นการปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 50 จุด ซึ่งถือว่าขึ้นมาจากเดิมในรอบ 5 เดือนตั้งแต่มิถุนายนเป็นต้นมา แต่ก็อาจจะยังไม่ใช้สัญญาณในเชิงบวกของราคาทองสักเท่าไหร่ เนื่องจากระดับดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 จุดเล็กน้อย ปัจจัยในเชิงบวกนี้คือการประชุมของเฟด ที่มีมติในการคงดอกเบี้ยแต่มีการเพิ่มเงื่อนไชในการพิจารณาดอกเบี้ยจากเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งเป็นการทำให้เชื่อว่าเฟดจะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยที่อาจจะยาวไปจนถึงปลายปีและต้นปี 2559 ที่อาจจะส่งสัญญาณในแง่ของราคาทองคำที่ฟื้นตัวอย่างเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ด้วยราคาเงินบาทที่กดดันจึงทำให้ราคาทองในประเทศมีการเพิ่มราคาขึ้น แต่จะคงตัวอยู่ที่ราคาบาทละ 18,500-19,000 บาท และเมื่อหลุด 3 เดือนจากต้นปีน่าจะปรับมาอยู่ที่บาทละ 20,000 บาท
ปี 2559 นี้เป็นปีที่ทดสอบความสามารถของการแก้ไขทางเศรษฐกิจของผู้ที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจ ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาในหลาย ๆ ด้านที่เข้ามาพร้อมกัน ๆ ได้ดีขนาดไหน พร้อมทั้งการแก้ปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ปัญหาคู่แข่งทางด้านการค้า ที่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะสมดุลหลังจากการมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน ปัญหาหนี้สินต่าง ๆ ก็ดูว่าจะยังมีอัตราที่สูงขึ้น ส่วนการทำให้เศรษฐกิจกลับเข้าสู่สภาวะสมดุลของสหรัฐอเมริกาที่เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างยาวนานถึง 8 ปี จึงทำให้เกิดเป็นการเข้มงวดทางการเงินที่มากขึ้นอย่างการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่ทั่วโลกรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก ด้านการแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินที่จำเป็นต้องคุมเข้มด้านของการคลัง ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวที่เพิ่มมากขึ้น และการแข่งขันทางการค้าในหลายประเทศ ต้องมีการสร้างความพยายามในการรวมกลุ่มทำให้มีอำนาจในการต่อรองด้านการค้ากับประเทศใหญ่ได้เป็นอย่างดี และเรื่องของการส่งออกที่อาจจะต้องการให้ดีขึ้นก็จะต้องพยายามกดค่าเงินขอแต่ละประเทศให้ต่ำลง
ทั้งนี้ก็เช่นเดียวกับราคาทองคำที่ต้นปี 2559 ยังมีความผันผวนที่สูงเป็นอย่างมากอยู่ แนะนำนักลงทุนที่ต้องการจะลงทุนให้ซื้อเก็บในระยะยาวไปก่อน หรือผู้ที่ชื่นชอบการซื้อทองรูปพรรณก็ควรซื้อแล้วเก็บไว้ก่อน อย่าเพิ่งนำออกมาขายในช่วงเวลานี้ เพราะเมื่อใดที่ค่าเงินอ่อนลง ราคาน้ำมันลดลง ทองคำก็จะมีราคาที่สวนขึ้น ซึ่งแนวโน้มจะยังคงมีอยู่ในต้นปี แต่เมื่อผ่านไปครึ่งปีหลังราคาทองคำก็อาจจะมีการกลับมาฟื้นตัวที่มากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ที่ลงทุนพอยิ้มออกมาได้บ้าง ซึ่งราคาทองปรับตัวได้สูงขึ้นในครึ่งปีหลังนั้นอาจจะมีสัญญาณบวกไปในทางที่ดีเพราะถูกมองว่าเป็นทรัพย์สินที่ปลอดภัย เพราะฉะนั้นใครที่กำลังต้องการจะซื้อหาเพื่อเก็บไว้เป็นการเก็งกำไรก็ควรรีบซื้อเก็บไว้ในขณะนี้ ส่วนในนักลงทุนที่อาจจะซื้อไปแล้วในช่วงปลายปีที่แล้วก็แนะนำให้ถือยาวไปจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งปีหลังที่อาจจะมีข่าวดีให้พอได้รู้สึกชื่นใจอยู่บ้าง