เคยลองมองนิสัยของเหล่าเศรษฐีกับการจัดการกับตัวเองกันบ้างหรือไม่ แล้วคุณเองจะทราบเลยว่าการที่จะเป็นเศรษฐีนั้นไม่ได้ยากไปกว่าที่คิดเอาเสียเลย หยุดกับพฤติกรรม หรือนิสัยเดิมๆของการใช้จ่ายหรือใช้สอย แล้วเปลี่ยนตัวเอง ผันตัวเองมาเพื่อ เข้าใกล้ความรวย เข้าใกล้คำว่าร่ำรวย กันได้แล้ว ในยุคนี้ไม่มีใครที่ดักดาน หรือจมกับการใช้จ่ายหรือการเป็นทำงานเป็นลูกจ้างที่ไม่มีอนาคตกันแล้วนะคะ หาความมั่นคงใส่ตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เสียแล้วคุณเองจะได้ชื่อว่าเศรษฐีได้ไม่ยาก
เคยกับการเห็นวิธีการดำเนินชีวิตแบบติดดินและการหามาซึ่งเงินทุนในการสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองของเหล่าเศรษฐี หากคุณลองหมั่นสังเกตนิสัยของบรรดาเศรษฐีทั้งที่อยู่รอบตัวเราและที่อยู่ห่างตัวหน่อย ก็จะเห็นว่าพวกเขามีลักษณะนิสัยที่คล้ายๆ กัน อาจจะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมจะค่อนไปในทางละม้ายคล้ายกัน
1. สำหรับการหาเงินนั้นไม่ได้เพื่อการใช้จ่ายนะคะ
ใครที่เข้าใจผิดเมื่อได้เงินเดือนมาแล้วถลุงเงินอย่าหนำใจนั้นเปลี่ยนเสียกับความคิดเหล่านั้น เพระเงินก้อนนั้นมีเพื่อลงทุน ใครก็ตามที่มุ่งมั่นและตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะร่ำรวยเงินทอง เพราะคนที่หาเงินได้มาก ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นเจ้าของคำว่า “เศรษฐี” เพราะบางคนหาได้เงินมากก็ใช้จ่ายมาก บางคนทำมาหากินแทบตาย แต่ต้องเอามาใช้หนี้สินที่ติดตัวอยู่แต่สำหรับคนที่เป็นเศรษฐี จะมีนิสัยที่ค่อนข้างชัดเจนคือ เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปต่อยอดการลงทุน เข้าตำราหาเงินไว้เพื่อลงทุน ไม่ใช่เพื่อใช้จ่าย การมีหนี้สินก็ไม่ใช่วิสัยทัศของคำว่าเศรษฐีอย่างแน่นอน การเปิดบัตรเครดิตต่างๆมุมมองของพวกเขาเหล่านั้นเป็นการฟุ่มเฟือย และเป็นการเพิ่มดอกเบี้ยที่ไม่ควรจ่าย
2. สำหรับการดำเนินชีวิต หรือระบบการเงินนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าปล่อยให้สะเปะสะปะ
ควรมีแผนและทำตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อที่จะได้กำหนดตัวเองและสามารถควบคุมตัวเองได้ เศรษฐีเงินล้านจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่รวยได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ได้ร่ำรวยเพราะความบังเอิญ ส่วนหนึ่งนั่นเพราะพวกเขามีนิสัยที่มีแผนและลงมือปฏิบัติตามแผน ซึ่งนั่นเป็นแรงผลักดันที่ช่วยพวกเขาให้เดินสู่ความรวย การมีวินัยในแผนลงทุนนั้นยังรวมถึง ผู้ลงทุนที่เลือกการลงทุน โดยใช้กลยุทธ์เฉลี่ยต้นทุน ด้วยการลงทุนเป็นประจำด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน ผู้ลงทุนควรมีวินัย ไม่หวั่นไหวไปกับการขึ้นลงของภาวะตลาด โดยอาจใช้ร่วมกับแผนการลงทุนอัตโนมัติที่บริษัทจัดการต่างๆ มีไว้บริการ ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลา และลดความวุ่นวายใจไปได้มากทีเดียว
3. อย่าคิดว่ารวยแล้ว มั่งมีแล้ว เงินที่ได้สร้างมานั้นสามารถทำให้คุณสบายได้ตลอดชีวิต
เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน ควรที่จะเพิ่มพูนหรือหาเงินมาเท่าที่กำลังจะสามารถทำได้ คือนิสัยประจำตัวของบรรดาเศรษฐี จะสังเกตเห็นได้ว่า ยิ่งร่ำรวยอยู่แล้ว ยิ่งไม่หยุดทำงาน ยิ่งมั่งคั่งอยู่แล้ว ยิ่งหาทางต่อยอดการลงทุนให้มั่งคั่งยิ่งขึ้น
4. ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงของระบบการเงิน ทางที่ดีไม่ว่าจะเป็นแง่ลบหรือบวกก็อย่าพลาดที่จะทำความเข้าใจกับระบบการเงินของตัวเองอย่างเด็ดขาด
เพราะคนรวยส่วนมากนั้นต่างตื่นตัวกับการรับรู้รายได้ในบัญชีส่วนตัว และรู้ว่าการไหลเวียนของเงินที่ไหลเข้าออกในบัญชีมีเท่าไร ตรงนี้จะเห็นได้ชัดว่าต่างจากคนที่ยังไม่ได้เป็นเศรษฐี ที่มักจะไม่ค่อยสนใจและใส่ใจในฐานะการเงินของตัวเองซักเท่าไร บางคนยิ่งไปกว่านั้น เพราะปล่อยให้หนี้ท่วม นอกจากไม่ได้จัดระเบียบหนี้แล้ว ที่ร้ายกว่านั้นคือแทบไม่รู้เลยว่าหนี้ของตัวเองเบ็ดเสร็จแล้วมีเท่าไร การกระเตื้องในสิ่งเหล่านี้ก็สามารถช่วยให้คุณได้ตื่นตัวและพาคุณเข้าสู่การคิดและดำเนินการแก้ไข แล้วจะรู้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นมีค่ามากมาย
5. การลงทุนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนต่างก็ต้องพบเจอกับคำว่าเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น
หากไม่เข้าไปฉวยโอกาสบางครั้ง เงินที่มีอยู่จะไม่มีโอกาสงอกเงย แต่เหนืออื่นใด ต้องเป็นความเสี่ยงที่คุณรับได้ และต้องมีการวางกลยุทธ์อย่างดีเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะตลาดตกต่ำหรือช่วงขาลง เพียงเท่านี้ก้สามารถพาคุณออกจากความเสี่ยงเหล่านั้น ไม่ลองแล้วจะไม่รู้นะคะ
6. ความเพียรพยายามและอดทนให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
ต้องทำความเข้าใจก่อนเลยว่า การเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยจากสองมือสองขากับหนึ่งสมองของตัวเอง ไม่ได้กลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน แต่เศรษฐีเหล่านี้เข้าใจถึงพลังแห่งดอกเบี้ยทบต้น และความพยายามลงทุนอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เพื่อให้ได้ความร่ำรวยเป็นรางวัลตอบแทน
7.การที่จะรับฟัง วิเคราะห์ และนำกลับไปคิดนั้น เป็นอีกหนึ่งนิสัยที่จะทำให้คุณเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ด้วยความสามารถของตัวเอง
เพราะคำแนะนำจากที่ปรึกษาเชื่อถือไว้ใจได้ จะช่วยให้คุณเองได้แนวทางมากมาย และสามารถทีจะเรียนรู้หรือทำความเข้าใจได้อย่าง่ายดาย
ที่ได้กล่าวมานี้เป็นสูตรสุดยอดที่ไม่ว่าเศรษฐีท่านไหนต่างก็ทำกัน แต่สิ่งที่เราต้องการเตือนคือการขยันและไม่หลงตัวเอง เพราะนั่นไม่ใช่ความคิดของผู้มั่งมีอย่างแน่นอน