คนเราทุกคนนั้นล้วนมีความฝันที่แตกต่างกัน แต่หนึ่งในหลายๆคนก็ไม่ได้จัดทำในสิ่งที่ตั้งความหวัง หรือคาดฝันไว้ แต่เราเองก็สามารถทีจะจัดการให้ประสบความสำเร็จได้ด้วยจัดการ อีกหนึ่งตัวอย่างสำหรับ นักธุรกิจรุ่นใหม่ ผู้นี้โดยแรกเริ่มเดิมทีนี้ได้ใฝ่ฝันที่จะเป็นแพทย์ แต่ไม่ได้เป็นอย่างใจนึกอย่างไรนั้นไปฟังประวัติเขาเลยดีกว่า
คุณอีดะ อายุ 24 ปี เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริหารบริษัทร้านขายยา ในวันนี้ เราได้ขอให้คุณอีดะเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของการเปิดร้านขายยา และความฝันของผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงคนนี้ให้เราได้ฟังกัน
ตอนแรกคุณอีดะเองได้บอกเล่าประวัติส่วนตัวของตัวเองให้เราได้ฟังซึ่งเมื่อฟังแล้วจะเกิดความแปลกใจมากสำหรับความคิดและการตัดสินใจของเด็กวัยมหาวิทยาลัย โดยคำพูดของเขามีอยู่ว่า “ ผมเองเกิดเมื่อปี 1988 ปัจจุบันอายุ 24 ปีครับ บ้านเกิดผมอยู่ที่เมืองโยโกฮามะ ปีที่แล้วผมเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโฮ ช่วงที่ผมหางานทำตอนสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปี 4 ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับระบบการหางานแบบนี้ ก็เลยเริ่มสนใจด้านการทำธุรกิจและคิดที่จะก่อตั้งกิจการตัวแทนจำหน่ายสินค้าขึ้นมา
ตอนนั้น ผมคิดว่า “ถ้าเรียนจบแล้ว เข้าทำงานในบริษัทเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบคนอื่นๆ เราจะพอใจกับอนาคตแบบนี้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่เราวาดฝันไว้หรือ?” ผมคิดหนักมากจนในที่สุดก็สามารถตอบตัวเองได้ว่า “ไม่ใช่แน่ๆ” ผมจึงเลือกเดินตามเส้นทางนี้ คือการมีกิจการเป็นของตัวเอง ”
ช่วงจะจบชั้นปีที่ 3 มีหลายบริษัทตอบรับให้ผมเข้าทำงาน แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับการทำงานเป็นพนักงานบริษัท ในช่วงนั้นเอง ผมได้มีโอกาสฟังเรื่องราวของประธานบริษัทคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกิจการ ผมรู้สึกว่า “เท่ห์มากเลย” ผมเลยลองไปพบประธานบริษัทผู้นั้น ซึ่งพอได้พบกันท่านประธานก็ถามผมว่า “แล้วทำไมคุณไม่ทำบริษัทเองล่ะ” จากคำถามนี้ ผมเลยรู้สึกว่า “เออจริงด้วย ลองทำเองดีกว่า” และนี่ก็คือที่มาทั้งหมด และมันยังไม่จบเพราะการเดินทางสายนี้ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรค เพราะมันไม่ใช่อย่างแน่นอน จากที่คุณอีดะได้เล็งเห็นประเทศไทยเป็นแหล่งธุรกิจเป็นอันดับแรก เพราะเนื่องมาจากประเทศไทยสามารถซื้อยาต่างๆ รวมทั้งยาปฏิชีวนะได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์เหมือนที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตลาดในประเทศญี่ปุ่นยังมีความต้องการยาประเภทนี้อยู่มาก จึงตัดสินใจเดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อเริ่มธุรกิจนี้
สำหรับจุดเริ่มต้นที่คุณอีดะได้ทำนั้นถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับการเปิดร้านขายยา เพราะย่อมมีความขลุกขลัก และอุปสรรคอยู่บ้าง แต่เมื่อผ่านช่วงสองสามเดือนแรกไปถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง อีกทั้งการสื่อสารกับเภสัชกรในร้านที่บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาอยู่ด้านภาษา ที่ต้องมาทำการปรับและจูนเข้าหากัน ส่วนด้านอื่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบเจอได้บ่อยครั้งที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเช่น ไฟดับ น้ำรั่ว และเหตุการณ์เฉพาะหน้าในแต่ละวัน ถามว่าเหนื่อยมัย บอกได้คำเดียวเลยว่าวุ่นมากจนไม่มีเวลาเหนื่อยเลยล่ะ แต่ก็สนุกดี สำหรับเริ่มแรกที่เปิดร้านนั้นสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าทีตั้งไว้ถึง 1.5 เท่าแต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับรายจ่ายและคุณอีดะเองก็ยังคงหวังต่อไปว่าจะต้องมีรายรับได้เพียงพอกับรายจ่าย ไม่ใช่ติดลบอยู่แบบนี้ จึงได้คิดและจัดทำโฆษณาและเดินสายตามสำงานต่างๆเพื่อนำเสนอยาที่เป็นสวัสดีการของพนักงานซึ่งมีเสียงตอบรับที่ดีมาก สำหรับสินค้าทีได้จัดเพื่อการขายในร้านนั้นช่วงแรกที่คุณอีดะคิด คือลูกค้าที่เป็นชาวญี่ปุ่นด้วยกัน แต่ที่น่าแปลกใจคือมีชาวยุโรปและอเมริกาที่เข้ามาให้ความสนใจ
การทำงานร่วมกับพนักงานที่เป็นคนไทย แนวการจัดการที่คุณอีดะได้วางไว้คือการหลบ และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะ เวลาที่อารมณ์ไม่ดีทั้งสองฝ่าย ไม่พุด หรือไม่ทำอะไรทีอาจก่อให้เกิดการบั่นทอนจิตใจและความเสียหายต่อทั้งคู่ มีการฝึกอารมณ์ ควบคุมตนเอง ทำให้พนักงานในร้านต่างรู้สึกไม่อึดอัดและอยากทำงานให้เรา เวลาว่างๆก็จะมีการพาพนักงานไปดูหนัง กินข้าวบ้างเพื่อเป็นการสานความสัมพันธ์ ที่สำคัญเชื่อว่านายจ้างคนอื่นต้องเอาเป็นแบบอย่างคือคำพูดที่ว่าขอบคุณทุกครั้งที่พนักงานทำงานให้
การดำเนินงานแบบตั้งใจ สู้ และการวางเป้าหมายที่ดี การควบคุมได้ทั้งตนเองและลูกน้องนั้นได้เป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถพาคุณอีดะเข้ามาสู่ความสำเร็จในทุกวันนี้ได้ จะเห็นได้เลยว่าคนท่ไม่ได้ดำเนิน หรือมีหน้าที่การงานไม่ตรงกับที่วางไว้นั้นก็สามารถทำมันได้ดีไม่น้อยไปกว่าใครอีกด้วยนะคะ สำหรับความฝันในอนาคตวันข้างหน้าคุณอีดะสนใจที่จะเปิดโรงพยาบาลเป็นของตนเอง หากมีวันนั้นจริงๆผู้ชายคนนี้จะมีประวัติที่น่าสนใจขึ้นอีกหลายเท่าตัวจริงๆล่ะค่ะ ใครที่กำลังมองหาแนวทางหรือแรงกำลังใจในการเปิดกิจการ หรือสร้างธุรกิจนั้นลองเอาไปปรับใช้ดูนะคะ จะมีประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว
ขอบคุณบทสัมภาษณ์จาก
http://anngle.org/th/jinth/j-i-company/naokiinterview.html