การอยู่คอนโดนั้นคือการได้อยู่บนพื้นที่ส่วนตัวที่มีลักษณะคล้ายบ้านแต่ไม่มีพื้นที่น้อยกว่า และไม่มีพื้นที่สนามหญ้า และความเป็นส่วนตัวถือว่าค่อนข้างจะมีน้อยกว่า โดยเฉพาะ คอนโดมิเนียมกลางกรุง จะมีห้องที่ใหญ่และมีพื้นที่ส่วนบริการที่ดีทั้งร้านอาหาร ฟิตเนส สระว่ายน้ำและสวนหย่อมแต่ก็ถือว่าเป็นพื้นที่สาธารณะที่ต้องมีการใช้ร่วมกัน แต่ผู้ที่อยู่คอนโดจะได้ในเรื่องของความสะดวกสบายในการเดินทางแทน เพราะคอนโดส่วนใหญ่มักจะอยู่ใจกลางเมือง ที่ผู้อาศัยสามารถอยู่ใกล้กับที่ทำงาน เพื่อเดินทางได้อย่างสะดาก แต่ก็ต้องแลกกับการต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่พื้นที่และบรรยากาศอาจจะไม่ดีเท่ากับการอยู่บ้าน
ส่วนในเรื่องของด้านสาธารณูปโภคต่าง ๆ นั้นก็ถือว่าครบครันเป็นอย่างมาก ที่จอดรถก็มีให้จอดอย่างสะดวกสบาย พร้อมด้วยการรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในคอนโดที่ถือว่าระดับสูงก็ยิ่งมีการรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างรัดกุมเป็นอย่างมาก เพื่อให้ผู้ที่อยู่อาศัยสามารถไว้วางใจและอยู่ได้อย่างมีความสุข
เมื่อตัดสินใจดีแล้วว่าจะย้ายเข้าสู่คอนโดแล้วนั้น ก็ควรต้องรู้ก่อนการเข้าอยู่โดยให้พิจารณาจากพื้นที่โดยใกล้เคียง ให้เดินสำรวจดูรอบ ๆ ก่อนว่าสภาพแวดล้อม ถนนหนทางและร้านค้าต่าง ๆ นั้นมีมากแค่ไหน แล้วมีอะไรที่น่าสนเพื่อได้สามารถออกมาซื้อ หรืออกมาเดินเล่นยามเย็นได้อย่างสบายใจ และเพื่อให้ชีวิตสะดวกขึ้นก็ควรจะดูด้วยว่าร้านค้าที่อยู่โดยรอบนั้นมีมากแค่ไหน และประตูทางเข้าออกหรือส่วนของบันไดหนีไฟมีการเตรียมพร้อมหรือป้องกันอย่างดีหรือไม่ ที่สำคัญคือการบริการของพนักงานในคอนโดนั้นดีมากน้อยแค่ไหน เพราะจะเป็นการบ่งบอกถึงการทำงานอย่างเป็นอาชีพต่อไปในอนาคต
ถ้าพนักงานนั้นมีความเป็นมืออาชีพมากพอเวลาที่เกิดปัญหาที่กะทันหันก็จะสามารถแก้ได้โดยทันที ก็จะทำให้ผู้อยู่อาศัยวางใจในความสะดวกและปลอดภัยขึ้นอีกขั้น และคนเหล่านี้จะต้องอยู่ร่วมกับเราไปอีกนานด้วย และควรมองไปถึงอนาคตว่าถ้าสักวันที่เราอาจจะได้ย้ายไปอยู่บ้าน หรือไปอยู่ที่อื่นเราจะสามารถขายได้อย่างมีมูลค่ามากกว่าราคาที่เราซื้อมาอย่างแน่นอน หรือพูดง่าย ๆ ว่าจะทำกำไรให้เราได้อย่างแน่นอน
ในส่วนของเรื่องการซื้อขายและการโอนกรรมสิทธิ์ ที่เมื่อเราซื้อคอนโดมา 1 ห้องนั้น จะได้เป็นหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด หรือใบ อ.ช.2 ซึ่งจะเปรียบเสมือนโฉนดที่ดินของคอนโดห้องนั้น ๆ ซึ่งในอนาคตนั้นไม่ว่าจะเกิดความเสียหายใด ๆ ก็สามารถได้รับค่าชดเชยตามสัดส่วนของโฉนดห้องนั้น ทังนี้ผู้ที่อยู่คอนโดจะต้องรู้ว่ามีค่าส่วนกลางที่เป็นค่าการบำรุงรักษาสถานที่ที่เป็นโซนสาธารณะทั้งหมด ที่ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ค่ารักษาความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งการจ่ายค่าส่วนกลางนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ที่อยู่คอนโดนั้นก็เป็นเจ้าของส่วนกลางนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการจ่ายค่าส่วนกลางนี้ก็วันกันที่ขนาดห้องที่ใหญ่กว่าก็จะเสียค่าส่วนกลางที่มากกว่าอีกด้วย และการอยู่ร่วมกันบนคอนโดนั้นจะต้องมีนิติบุคคลที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นคนกลางในการจัดการปัญหาต่าง ๆ ของคอนโดในทุกเรื่อง เพราะถ้าคอนโดไหนที่ไม่มีนิติบุคคลนี้ก็ให้ย้ายออกเลยทันที เพราะคอนโดนั้นต้องยุ่งเหยิงอย่างแน่นอน ทั้งนี้ผู้จัดการนิติบุคคลนี้จะต้องเป็นคนกลางที่รับเอาปัญหาทุกอย่างไปแก้ไข ไกล่เกลี่ย และเรียกประชุมผู้อาศัยเพื่อแจกแจงปัญหาและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ประจำเดือนให้แก่ผู้อาศัยได้รับรู้ในทุก ๆ เรื่องอีกด้วย
ในส่วนของด้านความปลอดภัยนั้น ผู้ที่ซื้อคอนโดต้องมีการดูสภาพบรรยากาศรอบข้างของคอนโดมาตั้งแต่ก่อนซื้อ และอาจจะต้องมีการระมัดระวังตัวเองและไม่ประมาท เพราะการอยู่คอนโดเป็นการอยู่ร่วมกับคนอีกหลากหลายชีวิต และควรเลือกคอนโดที่อาจจะมีราคาสูงสักหน่อย ถ้าผู้ซื้อพอจะมีกำลังซื้อเพื่อแลกกับความปลอดภัยที่สูงสุดในการอยู่อาศัย และเหล่าผู้คนที่อยู่รอบข้างที่สงบไม่วุ่นวาย แต่ทั้งนี้ผู้ที่อยู่คอนโดก็ต้องมีการเตรียมใจมาอยู่แล้วว่าเข้ามาอยู่แล้วก็เหมือนการต้องเข้ามาอยู่ร่วมกับสังคมของคนที่อยู่ร่วมกันในหลาย ๆ ครอบครัว และต้องยอมรับการอยู่ร่วมกันให้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องมาเสียค่าซ่อมแซมที่มากมายเหมือนบ้านเดี่ยว แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ขยายห้องหรือปรับปรุงใด ๆ ได้ตามใจชอบ และต้องยอมรับกฎกติกาของคอนโด ที่มีไว้เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ และในเรื่องของการขายต่อก็ต้องทำใจว่าคอนโดนั้นจะขายออกได้ช้ากว่าบ้าน