เป้าหมายการ เป็นเศรษฐี ถือได้ว่าเป็นเป้าหมายที่ไม่ว่าใครต่อใครก็ล้วนได้หมายปองเอาไว้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวเองได้เป็นเศรษฐีนั้น รับรองว่าสิ่งของต่างๆไม่ว่าจะเป็นทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ที่พักอยู่อาศัยและการท่องเที่ยวเดินทาง ก็จะสามารถเกิดขึ้นกับเราได้ไม่ยาก และทำให้เราเลิกบ่นไปได้เลยกับคำว่าไม่มีเงิน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่จะเป็นเศรษฐีนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสักเท่าไหร่ เพราะด้วยงานในปัจจุบันที่สามารถหาได้ค่อนข้างยาก ยิ่งเป็นงานที่ทำแล้วได้ค่าตอบแทนที่สูงนั้น ก็หาได้ยากยิ่งกว่า และถ้าเลือกที่จะลงทุนทำธุรกิจหรือกิจการส่วนตัว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกด้วยในปัจจุบันนี้ จึงทำให้คนส่วนใหญ่คิดที่จะเลือกทำงานที่สามารถหาได้ก่อนจึงค่อยพัฒนาตัวเอง เพื่อที่จะเปลี่ยนงานนั้น
เมื่อได้ทำงานที่ตัวเองเลือกแล้ว ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ เราก็ต้องพยายามและอดทนอยู่กับงานนั้นไปอีกนานเลยล่ะ และส่วนใหญ่แล้ว ค่าตอบแทนที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นต่องานหรือต่อเดือน ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ค่อยพอสักเท่าไหร่ที่จะใช้ซื้อกับสิ่งของที่ตัวเองอยากได้ จึงทำให้งานเสริมหรือรายได้เสริม เป็นสิ่งหนึ่งที่มีความจำเป็นอย่างมากเลยล่ะสำหรับตัวเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อขึ้นชื่อว่างานก็ล้วนหายากด้วยกันทั้งนั้น ทำให้การหารายได้เสริม เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่นะ แต่ถ้าหากเราสามารถสร้างความเป็นเศรษฐีให้ตัวเองด้วยงานที่ทำอยู่ได้ล่ะ
อ่านเพิ่มเติม : มหาเศรษฐี ท๊อป 10 ของไทย เขาทำธุรกิจอะไรกันบ้าง ?
หลายๆคนอาจจะไม่เชื่อว่างานที่ทำอยู่นั้นสามารถทำให้ตัวเอง เป็นเศรษฐี ได้ แต่ถ้าเรารู้วิธี รู้หลักการและลงช่องทางได้ถูกต้องเหมาะสม รับรองว่ารายได้ทางเดียว ก็ทำให้เป็นเศรษฐีได้ไม่ยาก โดยเรามีเทคนิคดังนี้
เปลี่ยนจากคำว่าอาชีพ เป็นมืออาชีพ
การสร้างความเป็นมืออาชีพในงานที่ทำอยู่ เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยให้เราเป็นเศรษฐีได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ ความเป็นมืออาชีพ สามารถสร้างคนให้กลายเป็นเศรษฐีได้มาแล้วนับไม่ถ้วนนะ อย่างเช่นในเรื่องของการทำอาหาร คนหนึ่งคนที่มีความสามารถในการทำอาหาร ถ้าหากว่ามีฝีมือที่เรียกได้ว่าแค่ทำอาหารเป็น อย่างมากก็คือการเปิดร้านข้าวแกงหรืออาหารตามสั่ง โชคดีหน่อยก็ได้เป็นผู้ช่วยกุ๊ก แต่ถ้ามีฝีมือถึงขั้นเป็นมืออาชีพล่ะ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่หรอกนะที่จะเปิดเป็นร้านอาหารหรูๆ เปิดเป็นภัตตาคาร เพื่อสร้างรายได้ที่มากกว่าให้กับตัวเองได้ แต่ถ้าหากว่าเราอยู่ในจุดที่เป็นมืออาชีพแล้ว แต่ค่าตอบแทนที่ได้รับ ก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ล่ะ เราแนะนำว่าควรที่จะรีบหาช่องทางใหม่ที่จะลงไปทำงานให้เหมาะกับตัวเองนะ เปรียบได้กับนกเหยี่ยวที่ไม่ควรอยู่ในกรงนกแก้ว
ผันตัวเองจากลูกจ้างสู่นายจ้าง
หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินว่า เราไม่มีทางที่จะรวยมากกว่านายจ้าง หรืองานที่ทำอยู่นั้น ไม่ว่าจะยังไงนายจ้างก็เป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยอะไร แน่นอนว่าเมื่อเราได้ยินอย่างนี้แล้ว เราควรที่จะทำงานเป็นลูกจ้างต่อไปหรือพยายามที่จะผันตัวไปเป็นนายจ้างกันล่ะ การผันตัวไปเป็นนายจ้างให้กับคนทั่วๆไปหรือคนที่มีฝีมือ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่ เพราะนั่นอาจจะหมายถึงการเปิดบริษัทเป็นของตัวเองเลย แต่สำหรับใครที่มีความเป็นมืออาชีพจากงานที่ทำอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่นะกับการที่จะเปิดบริษัทของตัวเองขึ้นมา โดยการตั้งตัวเองเป็นหลักในงานที่ทำอยู่ แล้วก็ลองพยายามรับงานให้มากขึ้นพร้อมๆกับพยายามหาจ้างคนอื่นๆมาช่วยเราทำงาน รับรองว่าไม่นานจากบริษัทเล็กๆที่มีเรานั่งทำงานอยู่ ก็จะกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เราจะทำหน้าที่จ้างคน สั่งงาน แล้วรับเงินแน่นอน
ทำงานที่สามารถพัฒนาตัวเองไปได้ไกล
การเลือกงานที่ทำ เป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากเลยก็ว่าได้นะ ถ้าหากว่าเราเลือกที่จะทำงานเป็นแคชเชียร์ เป็นพนักงานแพ็คของธรรมดา แน่นอนว่าความก้าวหน้าของงานก็อาจจะไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะทำงานเป็นนักออกแบบ หรืออาชีพอื่นๆที่สามารถพัฒนาฝีมือตัวเองไปได้ไกล รับรองว่าความเป็นเศรษฐีจากรายได้ทางเดียว เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ เพราะถึงแม้ว่าในตอนนี้ เราอาจจะทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยสูง ทำงานได้เงินเดือนไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีความเป็นมืออาชีพกับงานเหล่านี้ สร้างสรรค์ผลงานออกมาให้เป็นที่ยอมรับ แน่นอนว่าความเป็นเศรษฐีจะอยู่แค่เอื้อมนะ