ปี 2558 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่เศรษฐกิจค่อนข้างฝืดเคือง ทำให้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของคอนโดมิเนียม วงการคอนโดมิเนียมในปีที่แล้วเป็นปีที่ดูกึ่ง ๆ ว่าจะดี แต่ก็ไม่ได้ดี กล่าวคือ ในส่วนของคอนโดมิเนียมตลาดกลางและตลาดล่างนับว่า ฝืดเคืองจากพิษเศรษฐกิจ แต่ในส่วนของตลาดบนกลับไปได้ดี เพราะถึงแม้ว่า จะมีราคาที่แพงจนกลุ่มคนทั่วไปต้องทำตาโต แต่คนในระดับบนก็ยังคงมีกำลังซื้อ ยิ่งถ้าทำเลที่ตั้งดี มีการออกแบบที่ดีด้วย
ขึ้นปีใหม่ แต่แนวโน้มไม่ขึ้นตาม
เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงต้นปี 59 แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดยังคงมีแนวโน้มซบเซา ถึงแม้ว่า จะมีการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในภาพรวมค่อนข้างดี แต่ในเชิงการสร้างหรือเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม น่าจะลดจำนวนลงหรืออย่างมากก็แค่ใกล้เคียงกับที่เคยมีในปี 58 เพราะยังมีส่วนของโครงการที่ทำการเปิดตัวไปเมื่อปีแล้ว ทั้งที่อยู่ในระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จแต่ยังอยู่ในระหว่างขาย เรียกได้เลยว่า ยังมีของค้างอยู่ในสต๊อกอีกมาก
ปีนี้จะเป็นปีที่ไม่ง่ายเลยสำหรับวงการนี้ เพราะถึงแม้จะยังได้รับความสนใจอยู่แต่กลุ่มผู้ซื้อก็ได้เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว ในช่วงก่อนตลาดได้ถูกครอบครองโดยกลุ่มเก็งกำไรที่ซื้อไปเพื่อเก็งกำไรในอนาคต แต่ในปีนี้กลุ่มเก็งกำไรจะชะลอตัวลง เพราะที่ซื้อเอาไว้ก็ยังไม่สามารถปล่อยได้ ส่วนทางด้านกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปก็มีตัวเลือกให้พิจารณาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเปิดใหม่ หรือของเดิมที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นจะแค่เปิดตัวโครงการใหม่มา ก็ใช่ว่าผู้ซื้อจะสนใจเลือกซื้ออีกต่อไป
ไม่ใช่ว่า กระแสตก แต่กำลังซื้อต่างหากที่ตก
การที่แนวโน้มทำกำไรของตลาดคอนโดมิเนียมจะไม่กระเตื้องเท่าที่หลายฝ่ายคาดหวัง แต่ต้องยอมรับเลยว่า กระแสความนิยมไม่ได้ตกลงเลย เพราะพฤติกรรมการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้วจากแต่เดิมคนที่มีกำลังซื้อจะนิยมซื้อบ้านในบริเวณนอกเมืองที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ขณะนี้หันมาซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองแทน เพราะต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง ทั้งยังสามารถทำความสะอาดและดูแลได้ง่ายกว่ามาก
เมื่อมีความต้องการที่สูงขึ้นราคาจึงค่อย ๆ ขยับตามขึ้นไปด้วย จากราคาเฉลี่ยประมาณ ตารางเมตรละ 2 แสนบาท ในปี 2557 ขยับเป็นเฉลี่ยตารางเมตรละ 3 แสนบาทในปีกลาย และปีนี้ถึงแม้ว่าตลาดจะทรงตัวแต่ราคาเฉลี่ยที่ได้มีการทำการประเมินค่าไว้ยังขึ้นไปแตะที่ประมาณ 3.5 แสนบาทต่อตารางเมตร ราคาที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนส่วนมากยังไม่กล้าซื้อ รวมทั้งออกไปซื้อบ้านแทนเพราะมีราคาที่ใกล้เคียงกันและอาจถูกกว่าด้วยซ้ำ หากพิจารณาในแง่พื้นที่ใช้สอย
ทำเลทอง ยังไงก็คงเป็นทำเลทอง
ทำเลใจกลางเมืองยังคงเป็นทำเลทองสำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ หรือว่าจะเป็นในส่วนของรอบนอกเมืองที่ใกล้กับสายรถไฟฟ้าสีต่าง ๆ ที่กำลังสร้างอยู่ก็เริ่มได้รับความนิยม ทั้งในส่วนของบ้านและคอนโดมิเนียม ขนาดของเมืองที่ค่อย ๆ ขยายตัวทำให้พื้นที่ที่เรียกว่า ทำเลทอง เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่แน่นอนที่ราคาจะลดหลั่นไปตามความใกล้-ไกลกับตัวใจกลางเมืองอยู่ดี และพื้นที่ที่คงความเป็นทำเลทองได้อย่างเหนียวแน่นในปีนี้ก็ยังคงเป็นส่วนของพื้นที่แถบสุขุมวิท หลังสวนและสาทร
สำหรับพื้นที่ในส่วนนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากตลาดต่างชาติ เพราะถึงแม้พื้นที่ส่วนนี้จะมีราคาสูง แต่หากเทียบกับอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ราคาภายในกรุงเทพฯก็ยังถือว่าถูกกว่าอยู่มาก อีกทั้งบริเวณสาทรและสุขุมวิทยังเป็นบริเวณที่ต่างชาติมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว นอกเหนือจากบริเวณนี้แล้ว ยังมีบริเวณใหม่ที่น่าจับตามองใหม่ คือ ส่วนของพหลโยธินตอนต้น และซอยอารีย์ ที่ราคาค่อย ๆ ขยับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงที่ผ่านมา
อ่านเพิ่มเติม : ตามติดแนวโน้ม ราคาที่ดินใน กทม. 2559
ตลาดที่อื่น ๆ กลับขึ้นเรื่อย ๆอย่างมั่นคง
ในขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมเรียกได้ว่า ทรง ๆ เท่าเดิม ตลาดที่มีแนวโน้มทะยานขึ้นสูงกลับเป็นตลาดของอสังหาริมทรัพย์ประเภทสำนักงาน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะที่มีอยู่ในตลาดยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยในปัจจุบันโดยเฉลี่ยแล้วความต้องการสูงถึง 2 แสนตารางเมตรต่อปี แต่ที่มีอยู่ในตลาดมีเพียง 5 หมื่น – 1.5 แสนตารางเมตรต่อปีเพียงเท่านั้น เมื่อมีอยู่น้อยค่าเช่าสำนักงานจึงสามารถปรับตัวขึ้นสูงเฉลี่ยถึงร้อยละ 5 เลยทีเดียว โดยอนาคตคาดว่า ทำเลที่เหมาะสมคงไม่พ้นทำเล พระราม 4 สามย่านและสวนลุม ตามลำดับหรืออาจเป็นพระราม 9 และรัชดา ที่กำลังจะค่อย ๆ ได้รับความนิยมในช่วงกลาง-ปลายปีที่ผ่านมา
นอกเหนือจากตลาดสำนักงาน ตลาดเช่าอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ขึ้นอย่างช้า ๆ ส่วนของตลาดอพาร์ตเม้นต์มีอัตราเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้น โดยยังเน้นใจกลางเมืองเช่นเดิม อัตราการเข้าพัก-เช่าขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี นักวิชาการคาดว่า ปีนี้การแข่งขันจะเพิ่มความดุเดือดมากยิ่งขึ้น เพราะส่วนของคอนโดมิเนียมจะถูกปล่อยให้เช่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย หรือ เป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมจะอยู่ตามแหล่งสำนักงานและที่ชุมชนเป็นหลัก