ชีวิตฟรีแลนซ์ แน่นอนว่าสิ่งต่างๆที่เราได้รับจากการทำงานเป็นฟรีแลนซ์ ย่อมไม่เหมือนกับการที่เราทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเราจะสามารถพูดได้ว่าการทำงานเป็นฟรีแลนซ์ จะมีความสะดวกสบาย สามารถทำงานได้ดั่งใจชอบ อยากทำงานเมื่อไหร่หรือจะรับงานไหนก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึงก็คือสวัสดิการต่างๆที่ฟรีแลนซ์ไม่มีแต่เหล่ามนุษย์เงินเดือนได้มี และสวัสดิการต่างๆนี้ก็ช่วยให้คนที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ค่อนข้างอุ่นใจไม่น้อยเลยล่ะกับในอนาคตที่กำลังจะมาถึง แต่สำหรับคนที่ทำงานเป็นฟรีแลนซ์จะค่อนข้างวุ่นวายหรือหนักใจไม่น้อยกับอนาคตที่จะมาถึง ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ชีวิตของตัวเองมั่นคง และในตอนนี้ เราก็มีวิธีดีๆสำหรับคนที่ทำงานเป็นฟรีแลนซ์นะ
การสร้างความมั่นคงในชีวิตสำหรับคนที่ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ สามารถทำได้ไม่ยาก ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไม่มีสวัสดิการเหมือนเหล่ามนุษย์เงินเดือนก็จริง แต่เราก็สามารถสร้างสิ่งอื่นขึ้นมาเพื่อทดแทนกับสวัสดิการที่เราไม่มีได้ และสิ่งนั้นก็คือกองทุนนะ เมื่อเราลงทุนกับกองทุนต่างๆของตัวเองได้นานมากพอ เราจะรู้สึกว่าเราสามารถเกษียณตัวเองได้ ซึ่งกองทุนต่างๆก็มีดังนี้
-
วางแผนเกษียณตัวเองด้วยกองทุน RMF
กองทุน RMF เป็นหนึ่งในกองทุนที่จะช่วยให้เหล่าคนที่ทำงานฟรีแลนซ์ สามารถวางแผนเกษียณได้ง่ายขึ้น เพียงแต่ต้องมีวินัยในการออมเพื่อที่จะนำเงินไปซื้อกองทุน โดยกองทุน RMF เป็นกองทุนในระยะยาว ซึ่งผู้ที่ลงทุนกับกองทุน RMF จะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
ผลตอบแทนที่เราได้จากกองทุน RMF ก็คือผลประโยชน์ทางภาษี ที่มาจากการหักค่าลดหน่อยในปีที่ซื้อหน่วยลงทุน บวกกับส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุนในวันที่ขายกับวันที่ซื้อ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนด้วย และในปัจจุบันนี้กองทุน RMF ก็มีให้เราเลือกลงทุนอยู่หลายกองทุนด้วยกัน เราได้จัดจำแนกกองทุน RMF ที่มีความเสี่ยงจากต่ำไปถึงความเสี่ยงสูงดังนี้
- กองทุนที่ลงทุนในตราสารเงิน เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเอกชน และสถาบันการเงินในประเทศ
- กองทุนที่ลงทุนในพันธบัตร เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งตราสารหนี้ต่างประเทศ
- กองทุนรวมผสม โดยลงทุนในหุ้นในประเทศ ร่วมกับตราสารหนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ
- กองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้น
- กองทุนที่ลงทุนในหุ้นผ่านกองทุนต่าง
การเลือกลงทุน RMF ผู้ลงทุนต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ตอบแทนเราได้ดีที่สุดในระยะยาวนะ โดยขึ้นอยู่กับความสามารถในการคาดการณ์ของแต่ละคน
-
วางแผนลดหย่อนภาษีและเป็นทุนในหุ้น ด้วยกองทุน LTF
กองทุน LTF เป็นกองทุนที่ส่งเสริมสำหรับการลงทุนระยะยาว เพราะว่ากองทุน LTF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีในฐานะผู้มีรายได้ ซึ่งถึงแม้ว่ากองทุน LTF จะเป็นกองทุนระยะยาวก็จริง แต่ก็มีระยะที่สั้นกว่ากองทุน RMF เพราะว่าผู้ลงทุนสามารถทำการขายคืนหน่อยลงทุนได้หลังจากทำการลงทุนเป็นเวลา 7 ปีตามปฏิทิน และลักษณะและผลตอบแทนนั้น ก็ยังคงคล้ายกับกองทุน RMF ก็คือผู้ลงทุนจะได้รับผลประโยชน์ทางภาษีจากการหักค่าลดหย่อนในปีที่ซื้อหน่วยลงทุน บวกกับส่วนต่างระหว่างราคาหน่วยลงทุนในวันที่ขายกับวันที่ซื้อ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุน
กองทุน LTF จะมีการเสียภาษีกับเงินที่ปันผลออกมา เหมาะกับคนที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินระหว่างปี แต่ถ้าหากว่าเราไม่มีความจำเป็นสักเท่าไหร่ ก็ควรที่จะเลือกลงทุนกับกองทุนแบบอื่น
-
กองทุนอื่นๆ ที่มีผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินในธนาคาร
สิ่งหนึ่งที่เราต้องคำนึงไว้เสมอก็คือ ยิ่งความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็ยิ่งสูง ซึ่งการลงทุนด้วยการทุนอื่นๆ ควรจะขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการลงทุน ว่าจะรีบใช้เงินมากน้อยแค่ไหน สามารถรองรับความเสี่ยงได้หรือเปล่า โดยเราสามารถแบ่งเงินลงทุนได้เป็น 2 ส่วนดังนี้
- ส่วนที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ สามารถซื้อขายหรือมีสภาพคล่องที่สูง โดยคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประมาณ 1.5-2.5% ต่อปี ซึ่งในเงินกองทุนในส่วนนี้ เราสามารถใช้กับกองทุนที่ลงทุนในตราสารเงิน หรือตราสารหนี้
- ส่วนที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้
เงินที่เราจะนำไปลงทุนในส่วนนี้ จะต้องเป็นเงินที่เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้ใน 1-2 ปีโดยประมาณ ซึ่งจะมีความเสี่ยงที่สูง แต่การที่เรานำเงินในส่วนนี้ไปลงทุน เราก็จะได้ผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน เราสามารถนำเงินในส่วนนี้ไปลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในหุ้น หรือกองทุนที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศ