ในการทำงานไม่ว่าจะได้ ทำงานบริษัทเอกชน หรือหน่วยงานราชการก็มีข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไป ทุกที่มีการทำงานที่ต่างกัน ข้อดีและข้อเสียจึงมีเท่ากัน แต่หากตั้งใจทำงานและพยายามนำความรู้ความสามารถเข้ามาใช้ในการทำงานก็จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นความก้าวหน้าก็สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ต่างกัน หลายคนเข้าใจว่าการทำงานข้าราชการนั้นมีการเติบโตที่ช้าและรายได้เทียบไม่ได้กับการทำงานในบริษัทเอกชนเลย แต่ความจริงแล้วในปัจจุบันงานราชการนั้นมีการปรับอัตราเงินเดือนให้สูงขึ้นในสายงานข้าราชการจึงมีอัตราเงินเดือนที่เกือบเทียบเท่ากับการทำงานในบริษัทเอกชนแล้ว อีกทั้งหากมีการเลื่อนหรือย้ายตำแหน่งที่สูงมากขึ้นเงินเดือนก็จะปรับสูงขึ้นตามไปด้วย และการทำงานบริษัทเอกชนกับการทำงานราชการนั้นมีข้อดีและข้อด้อยต่างกัน ดังนี้
อ่านเพิ่มเติม : รับราชการ ชีวิตดี อนาคตดี จริงหรือ ?
ความมั่นคง
การทำงานราชการมีความมั่นคงในหน้าที่การงานมากกว่าการทำงานในบริษัทเอกชน เพราะว่างานราชการแม้ว่าเริ่มต้นจากตำแหน่งที่น้อย ๆ แต่มีโอกาสเลื่อนไปตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ได้ แต่การทำงานในบริษัทเอกชนเมื่อเลื่อนขั้นสูงเท่าไร เงินเดือนสูงมากเท่าไร ความเสี่ยงในการตกงานก็มีเพิ่มมากขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเริ่มมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน จึงมีบริษัทเอกชนหลายที่ที่มีการจ้างพนักงานให้ออกจากงานเป็นประจำทุกปี ๆ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและจ้างคนใหม่เข้ามาทำงานแทนซึ่งเงินเดือนไม่ต้องสูงเท่าคนเก่า ส่วนใหญ่บริษัทเอกชนจะมีระบบการจ้างงานเช่นนี้อยู่เสมอ ต่างจากงานราชการที่สามารถเลื่อนขั้นสูงขึ้นและสามารถทำงานในตำแหน่งหน้าที่ไปจนถึงเกษียณอายุราชการ
โบนัส
โบนัสในการทำงานราชการและงานเอกชนก็มีให้เช่นเดียวกัน แต่จะได้มากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับอายุงานและประสบการณ์ในการทำงานเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วงานเอกชนจะมีโบนัสต่อปีให้มากกว่างานราชการ งานราชการหากติดช่วงที่มีปัญหาทางการเมืองหรือเปลี่ยนแปลงการปกครองโบนัสก็จะถูกชะลอตัวไปก่อน ต่างจากงานเอกชนที่ไม่มีการชะลอโบนัสจะจ่ายทุกปีเมื่อถึงรอบ ในส่วนของเรื่องโบนัสในการทำงานจึงเป็นการทำงานเอกชนจะดีกว่างานราชการ
การท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวประจำปีจะเกิดขึ้นกับพนักงานของเอกชนทั้งสิ้นเพราะหน่วยงานราชการไม่มีการจัดท่องเที่ยวให้แก่พนักงาน แต่หน่วยงานราชการจะมีการจัดอบรมและสัมมนารวมถึงการดูงานทั้งในและต่างประเทศให้แก่แต่ละหน่วยงาน ซึ่งสามารถท่องเที่ยวไปในตัวได้เช่นกัน ดังนั้น เรื่องการท่องเที่ยวหรือการสัมมนาไม่ว่าจะหน่วยงานใดก็มีโอกาสได้ไปเหมือนกัน เพียงแต่สถานที่ของหน่วยงานราชการอาจจะไม่ได้สวยหรูเหมือนการท่องเที่ยวของหน่วยงานเอกชนเท่าไรนัก
เวลาทำงาน
เวลาในการทำงานราชการและการทำงานเอกชนนั้นมีการเข้าออกงานที่คล้ายกันคือการทำงานส่วนใหญ่ต่อวันจะอยู่ที่ 8-9 ชั่วโมง แต่หน่วยงานเอกชนจะเข้างานสายกว่าหน่วยงานราชการ ซึ่งส่งผลให้ดูเหมือนว่าการทำงานเอกชนเลิกงานช้ากว่างานราชการ แต่หากเทียบชั่วโมงในการทำงานกันก็เท่า ๆ กัน แต่สิ่งที่ทำให้ต่างกันก็คือเวลาในการเข้างาน และการทำงานตามหน่วยงานราชการจะทำงานเพียง 5 วันต่อสัปดาห์ ส่วนงานเอกชนจะทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ และในบางครั้งก็มีการทำงานเลยเวลามีโอทีแบบบังคับด้วย ทำให้พนักงานเอกชนมีเวลาในการพักผ่อนและการใช้ชีวิตส่วนตัวน้อยกว่าการทำงานราชการ
เงินบำนาญ
เงินบำนาญที่เมื่ออายุการทำงานถึงวัยที่ต้องเกษียณแล้วก็ไม่ต้องทำงาน แต่จะมีเงินเดือนกินทุกเดือน เงินบำนาญจะมีขึ้นในระบบราชการเท่านั้น ส่วนงานเอกชนไม่มีเงินบำนาญให้แก่พนักงานที่ นอกเสียจากเก็บหรือฝากเอาไว้เองเท่านั้นจึงจะมีเงินกินเงินใช้หลังจากวัยเกษียณ ซึ่งข้อนี้บอกถึงความต่างของงานราชการและงานเอกชนได้เป็นอย่างดีที่สุด หากมองถึงอนาคตในวันข้างหน้ามากที่สุดคนส่วนใหญ่จะเลือกสมัครเข้าทำงานราชการมากกว่างานเอกชน แม้ว่างานราชการจะเติบโตได้ช้าแต่มีความมั่นคงมากกว่างานเอกชน
สวัสดิการ
สวัสดิการอย่างครบครันในการทำงานราชการ ส่วนงานเอกชนเต็มที่ก็จะมีแค่ประกันสังคมเท่านั้น หากต้องการสวัสดิการที่ดีกว่าประกันสังคมก็ต้องเลือกหาทำเอาเอง ซึ่งต่างจากงานราชการที่มีสวัสดิการอย่างสมบูรณ์ทั้งเรื่องค่ารักษาในเวลาเจ็บป่วยทั้งตนเองและคนในครอบครัว อีกทั้งยังมีค่าเล่าเรียนของบุตรหลานที่สามารถเบิกได้อีกด้วย ซึ่งช่วยให้สามารถทุ่นค่าใช้จ่ายลงไปได้มากพอสมควรเงินที่เหลือจากรายรับจึงสามารถนำไปเป็นเงินเก็บหรือเงินในการลงทุนต่าง ๆ ได้ ยังไม่รวมถึงการสามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเงินกู้ทั่วไปอยู่มากในหน่วยงานราชการ ผู้ที่ทำงานในหน่วยงานราชการแม้มีหนี้ก็เป็นหนี้ที่ไม่ต้องเสียดอกมาก และสามารถผ่อนชำระได้เป็นเวลานานไม่มีการบีบบังคับตนเองมากเกินไปในเรื่องหนี้สิน
การทำงานของทั้งหน่วยงานราชการและเอกชนก็มีความแตกต่างกันอยู่หลายอย่างพอสมควร ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกสมัครเข้าทำงานในสถานที่ใดก็ตามควรคำนึงถึงอนาคตในวันข้างหน้าเป็นหลัก เพราะยังต้องทำงานไปอีกยาวนานจนกว่าอายุงานจะเกษียณ หากไม่ได้มีความต้องการใช้เงินมากหรือไม่ได้ต้องการความก้าวหน้าแบบข้ามกระโดด การทำงานในหน่วยงานราชการน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการทำงานเอกชน
แต่หากมั่นใจว่าสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างลงตัวและสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวแบบที่อยู่สุขสบายได้ตอนอายุมากขึ้นก็เลือกทำงานเอกชน หรือจะเลือกทำงานตามความรู้ความสามารถและใช้การบริหารจัดการทางการเงินที่ดีไม่ว่าจะทำงานในหน่วยงานไหนก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้เช่นกัน