เงิน 50,000 บาท เป็นเงินก้อนที่หลาย ๆ คนสามารถเก็บได้ แต่ทว่าการจะนำเงินไปลงทุนให้งอกเงยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าใดนัก ดังนั้นก่อนเลือกลงทุนในสิ่งใด ๆ ก็ตามเรื่องแรกที่ผู้ลงทุนควรศึกษาคือกรณีตัวอย่างในการลงทุน เพื่อให้เงิน 50,000 บาทสามารถสร้างประโยชน์ให้กับเจ้าของทุนมากที่สุด สำหรับตัวอย่างเคสในเว็บบอร์ดต่าง ๆ ที่เหมาะสำหรับการเป็นกรณีศึกษามีดังต่อไปนี้
จากกระทู้ : มีเงินเก็บอยู่ 50,000 บาท เอาไปทำอะไรต่อดีคะ เพื่อให้เงินงอกเงย
กรณีตัวอย่าง
สมาชิกของเว็บไซต์ Pantip ผู้มีนามแฝงว่า คุณคนแอบรัก ได้ตั้งกระทู้ถามถึงเพื่อนสมาชิกเว็บไซต์ Pantip ด้วยกันว่าตนเองกำลังจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และตัวเธอนั้นมีเงินเก็บออมอยู่ในธนาคาร 50,000 บาท ซึ่งปัจจุบันเธอได้ฝากเงินในลักษณะของการฝากประจำ โดยสมาชิกเว็บไซต์ Pantip ท่านนี้ได้บอกว่า ดอกเบี้ยจากเงินฝากประจำที่ได้นั้นไม่มากเท่าใด เธอจึงมีความคิดเห็นว่าก่อนเรียนจบต้องการมีเงินเก็บมากกว่านี้ ไม่ทราบว่าสมาชิกท่านใดของเว็บไซต์ Pantip จะมีคำแนะนำให้เธอได้บ้าง ทั้งนี้คุณคนแอบรักได้ออกตัวว่าเธอไม่ได้มีความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ บัญชีหรือการเงินใด ๆ เลย ส่วนตัวแล้วเธอเรียนทางด้านการออกแบบ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะไม่รู้จักกับการลงทุนในหุ้นทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ต้องการลองใช้เงินก้อนนี้เพื่อลงทุนในหุ้นเช่นกัน นอกจากนี้เธอยังถามเพื่อนสมาชิกอีกด้วยว่า สลากออมสินหรือกองทุนทอง มีความน่าสนใจหรือไม่
คำแนะนำจากเพื่อนสมาชิก
หลังจากที่คุณ “คนแอบรัก” ได้ตั้งกระทู้ก็มีสมาชิกเว็บไซต์ให้ความสนใจและเข้ามาตอบคำถาม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคำแนะนำสามารถแบ่งได้เป็นประเด็นดังต่อไปนี้
1.ฝากประจำ
สมาชิกบางท่านของเว็บไซต์ Pantip ได้ให้คำแนะนำกับคุณคนแอบรักที่ถามว่า 50,000 บาท ลงทุนอะไรดี ว่า ไม่ควรนำไปลงทุน แต่ควรจะนำไปฝากประจำไว้ก่อน โดยอาจจะเลือกฝากประจำที่ me tmb ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้สมาชิกท่านนี้ได้บอกว่าควรเก็บเงินก้อนนี้ไว้ก่อนและไม่ควรรีบนำไปใช้ หากแต่ควรรอให้เงินที่เก็บได้ก้อนใหญ่กว่านี้แล้วจึงค่อยนำมาลงทุนจะเป็นการดีที่สุด
2.ลงทุนในหุ้น
สมาชิกอีกท่านหนึ่งของเว็บไซต์ Pantip ได้บอกว่าตัวของเขานั้นก็ไม่ได้จบทางด้านการเงินมาโดยตรง แต่ด้วยแนวคิดที่ไม่อยากให้เงินต้องจมอยู่กับการออมเพียงอย่างเดียว เขาจึงเลือกลงทุนในหุ้นพร้อมทั้งต่อยอดให้การลงทุนในหุ้นพัฒนายิ่งขึ้นด้วยการเรียนต่อปริญญาโททางด้านการเงิน ซึ่งปัจจุบันสมาชิกท่านนี้ก็ได้กำไรจากการลงทุนในหุ้นเป็นรายได้เสริมอีกด้วย ทั้งนี้สมาชิกท่านนี้ได้บอกว่าการลงทุนในหุ้น หากไม่เริ่มต้นเล่นหุ้นอย่างไรเสียก็ไม่อาจจะเล่นเป็น หากไม่ศึกษาเสียก่อนก็จะไม่มีกำไร ดังนั้นหากขาดทุนในหุ้นให้คิดว่าเป็นค่าเล่าเรียนจะดีเสียกว่า
3.ซื้อสลากออมสิน
การซื้อสลากออมสินเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่สมาชิกเว็บไซต์ Pantip แนะนำ นอกจากนี้สมาชิกท่านนั้นยังให้คำแนะนำอีกด้วยว่าตนเคยซื้อสลากออมสินซึ่งถูกรางวัลเดือนละ 150 บาท โดยการซื้อสลากออมสินนั้นค่อนข้างเหมาะสมกับผู้ที่ไม่มีเวลาในการศึกษาหาความรู้ทางด้านการลงทุนในหุ้นสักเท่าใดนัก
4.ซื้อทอง
การซื้อทองเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่สมาชิกเว็บไซต์ Pantip แนะนำ โดยการซื้อทองเหมาะสำหรับการเก็บสะสมและสามารถจำหน่ายต่อได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ทองยังเป็นของสะสมที่สามารถใช้เป็นเครื่องประดับได้อีกด้วย
5.เปิดร้านค้าออนไลน์
สมาชิกเว็บไซต์ Pantip แนะนำเจ้าของกระทู้ว่าให้ลงทุนขายสินค้าทางเว็บไซต์ เนื่องจากการขายสินค้าออนไลน์ทางเว็บไซต์นั้นผู้ขายไม่จำเป็นต้องกักตุนสินค้าไว้ในสต็อกก่อน เมื่อมีลูกค้าสั่งสินค้าทางเว็บไซต์ผู้ขายจึงค่อยซื้อมาเพื่อจำหน่ายก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้การซื้อสินค้าในภายหลังจากที่ลูกค้าสั่งทำให้ไม่ต้องมีทุนรอนมากนัก อีกทั้งยังไม่ต้องหวั่นเกรงเรื่องความเสี่ยงว่าเงินทุนจะสูญหายอีกด้วย ทั้งนี้หากไม่มีผู้สั่งสินค้าผู้ขายก็ไม่จำเป็นต้องสั่งสินค้า
6.เปิดร้านขายน้ำ
สมาชิกในเว็บไซต์ Pantip อีกท่านหนึ่งแนะนำว่าให้จำหน่ายน้ำปั่น หรือน้ำผลไม้ เนื่องจากสินค้าเหล่านี้ไม่มีการใช้เงินทุนที่มาก ทั้งยังมีความเสี่ยงน้อยลงอีกด้วย กรณีที่เจ้าของกระทู้กำลังศึกษาอยู่และไม่มีเวลาในการจำหน่ายสินค้าหรือตั้งร้านค้าเต็มเวลาก็อาจจะเลือกเปิดร้านในช่วงวันหยุดหรือช่วงหลังจากเลิกงาน โดยเลือกทำเลที่มีผู้เดินผ่านสัญจรไปมานั่นเอง
7.เปิดร้านขายเสื้อยืด
สมาชิกเว็บไซต์ Pantip บางท่านแนะนำเจ้าของกระทู้ว่าให้ขายเสื้อยืดพิมพ์ลาย โดยจะรับเสื้อยืดมาขายหรือจะพิมพ์เองก็ได้ หากเจ้าของกระทู้เลือกเสื้อยืดแบรนด์เนมก็จะยิ่งดีมากกว่าเดิม เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่นั้นเป็นคนที่ชอบสินค้าแบรนด์เนม หากต้องการเพิ่มยอดขายก็อาจจะเลือกพิมพ์ลายตามสั่ง โดยเจ้าของร้านสามารถรับงานที่ลูกค้าสั่งได้ตามที่ต้องการ ด้วยความชอบของคนในสมัยปัจจุบันที่นิยมความเป็นเอกลักษณ์ระหว่างคนรัก เพื่อน ครอบครัว เป็นต้น ทั้งนี้การลงทุนทำพิมพ์เสื้อยืดในปัจจุบันไม่ยากอย่างที่คิดแล้ว เพราะมีเทคโนโลยีช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าด้วยเงินจำนวน 50,000 บาท นั้น สามารถนำไปลงทุนได้หลายต่อหลายด้าน อยู่ที่ว่าเจ้าของเงินจะเลือกนำเงินของตนไปทำสิ่งใดที่สร้างประโยชน์สูงสุด หากเลือกได้แล้วขั้นตอนต่อไปคือการศึกษาหาความรู้เพื่อให้การลงทุนไม่สูญเปล่า