ในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมานั้น สำหรับแวดวงธุรกิจและการลงทุนไม่มีข่าวไหนที่ได้รับความสนใจมากไปกว่ากรณีอินไซเดอร์เทรดดิ้ง หุ้น makro อีกแล้ว เนื่องจากเป็นการตัดสินการกระทำผิดของผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเคลือบริษัท ซีพีออลล์ ข่าวใหญ่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกเมื่อผู้กระทำผิดไม่ได้มีคนเดียวแต่มีมากถึงสี่คน และเรียกได้ว่ากลายเป็นกระแสสังคมครั้งใหญ่สำหรับแวดวงธุรกิจจากคำถามที่ว่า บทลงโทษสำหรับการกระทำผิดครั้งนี้นั้นมากพอหรือไม่ เมื่อผลประโยชน์จากการกระทำผิดนั้นช่างมากมายเสียเหลือเกิน
อะไรคือ อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง?
สำหรับข่าวนี้เพื่อความเข้าใจที่ดีต้องขออธิบายในส่วนของ อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง เสียก่อน อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง คือ การซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลวงใน ซึ่งถือว่าเป็นความผิดตามมาตรที่ 241 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ชอบธรรม เป็นการเอารัดเอาเปรียบบุคคลภายนอก ในที่นี้คือ นักลงทุนทั่วไปที่ไม่มีโอกาสรับรู้ข้อมูลเท่าเทียมกับบุคคลภายใน โทษของการกระทำผิดของ อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง เนื่องจากเป็นความผิด ทางอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ข้อมูลภายในดังกล่าว แต่ไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านเพิ่มเติม : เรื่องนี้ต้องเอาจริง ก.ล.ต.ลงโทษทุจริต ปั่นหุ้น
4 ผู้บริหารเครือยักษ์ใหญ่โดนเปิดเผย
ข่าวนี้เริ่มต้นจากการเปิดเผยของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ หรือ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับผู้บริหารเคลือบริษัท ซีพี ออลล์ 4 ท่าน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 30 ล้าน 2 แสนบาท
- นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 725,000 บาท
- นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 979,500 บาท
- นายอธึก อัศวานันท์ รองประธานกรรมการและหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านกฎหมาย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นจำนวนเงิน 1.4 ล้านบาท
บางท่านอาจสงสัยว่า นายอธึก ถูกนับเป็นผู้บริหารคนหนึ่งได้อย่างไร แต่ถึงไม่ได้เป็นผู้บริหารโดยตรงแต่ก็เป็น ที่ปรึกษาใหญ่ด้านกฎหมายและได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในของบริษัทเกี่ยวกับการซื้อขายครั้งนี้ด้วย
การกว้านซื้อหุ้นแมคโคร
การซื้อหุ้นนั้นเกิดขึ้นย้อนไปตั้งแต่ปีก่อน ทั้ง 4 ท่านรู้ข้อมูลที่ว่าทางซีพี ออลล์ จะทำการซื้อหุ้นของทางแมคโคร หรือ Makro Pro ล่วงหน้า ในระหว่างวันที่ 10-22 เมษายน ในปีนั้น ก่อนมีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียดการซื้อหุ้นดังคือ นายก่อศักดิ์ซื้อเป็นจำนวน 118,300 หุ้น นายปิยะวัฒน์ ซื้อเป็นจำนวน 5,000 หุ้น นายพิทยา ซื้อเป็นจำนวน 75,000 หุ้น โดยเป็นการซื้อผ่านน้องชายที่มีชื่อว่า นายสมศักดิ์ ส่วนนายอธึกได้ทำการซื้อผ่านชื่อของนางสาวอารียา ผู้เป็นลูกสาวเป็นจำนวน 6,000 หุ้น
สำหรับนายสมศักดิ์และนางสาวอารียา ถูกตัดสินจาก ก.ล.ต. ให้รับโทษโดยการปรับรายละ 333,333 บาท ในข้อหาที่ช่วยผู้เป็นพี่ชายและพ่อกระทำความผิด ส่วนทางด้าน 4 ท่านนั้นถึงแม้จะมีการเรียกค่าปรับพร้อมกับยอมชำระค่าปรับอย่างโดยดี แต่เมื่อเทียบกับทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่ ทำให้เกิดคำถามที่ว่าโทษดังกล่าวนั้น น้อยไปเมื่อเทียบกับรายได้ จนโทษเหมือนไม่ได้เป็นโทษอีกต่อไป
เรื่องจบ แต่ก็เหมือนไม่จบ
หลังจากมีการจ่ายค่าปรับและการตั้งถามมากมายหลังจากมีการชำระเงินแล้วก็ตามแต่สิ่งที่ตามมาคือ การลงทุนในหุ้นของ ซีพีออลล์ กลับตกต่ำลงอย่างไม่น่าเชื่อ โดยยังมีการคาดการณ์ว่าหุ้นอื่น ๆ ในกลุ่มซีพี รวมทั้งหุ้นกู้และการเพิ่มทุนของทาง ทรู คอร์ปอเรชั่น ด้วย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาพลักษณ์ของบริษัทที่เสียไป เกิดเป็นกระแสสังคมกดดันให้ท่าน 4 ท่านออกมาแสดงความรับผิดชอบมากกว่าที่ได้จ่ายไป ตัวอย่างกองทุนที่ได้หยุดการลงทุนหุ้นใน ซีพีออลล์ ไปนั้น คือ บริษัท หลักทรัพย์ จัดการกองทุนกรุงไทย โดยออกมาเปิดเผยว่า ได้ทำการหยุดบริหารลงทุนทุกอย่าง ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มมีประเด็นเรื่องความใสสะอาดของบริษัท
ผลกระทบตามมาอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากมีกระแสออกมากมาย ทางซีพี ออลล์ จะมีการจัดการประชุมเพื่อพิจารณางบประมาณในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งทุกคนคาดหวังว่าจะมีการนำกรณีนี้เข้าไปปรึกษาหารือกันด้วยอย่างแน่นอน โดยกรณีที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ 2 ทาง คือ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและ การเพิกเฉยไม่สนใจกระแสสังคมที่เกิดขึ้น
ผลกระทบทั้งสองทางนั้น หากยอมเปลี่ยนผู้บริหารผลกระทบอาจไม่มากนัก เพราะความน่าเชื่อถือของบริษัท จะกลับมาและทีมผู้บริหารคนอื่น ๆ ยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้น ปรับคืนมาในราคาเชิงบวก แต่ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนผู้บริหาร หุ้นและสภานะภาพของซีพี ออลล์ ก็จะยังถูกกดดันรอบด้านอย่างแน่นอน