Oprah Winfrey เจ้าแม่แห่งวงการสื่อสารที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก และเชื่อว่าจะต้องมีอีกหลายคนทั่วโลกที่ชื่นชมเธอ ทั้งยังเป็นหนึ่งในสตรีที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของโลก แต่ใครจะเชื่อว่าก่อนหน้านี่ชีวิตของสตรีทรงอิทธิพลคนนี้กลับเจอแต่เรื่องราวเลวร้ายและความล้มเหลวมาหลายครั้ง และแต่ละครั้งก็แสนจะหนักหนา แต่เจ้าแม่สื่อคนนี้เธอก็ยังคงยืนหยัดต่อไป ในอดีต Oprah Winfrey เป็นเพียงเด็กสาวผิวดำที่ไม่เคยมีใครคิดว่าจะ ประสบความสำเร็จ ได้เลย ความสำเร็จในวันนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะ Oprah Winfrey เกิดมาในครอบครัวชาวแอฟริกัน อเมริกันที่มีฐานะยากจนอย่างมาก ต้องเผชิญเรื่องราวเลวร้ายมาตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ และตั้งท้องไม่มีพ่อมาตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี และยังต้องสูญเสียลูกคนแรกไปหลังคลอดได้ไม่นานอีกด้วย ชีวิตจริงที่ไม่ใช่ละครของ Oprah Winfrey เป็นการแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่แข็งแกร่ง ที่สามารถต่อสู้กับทุกปัญหามาจนสามารถยืนอยู่จุดนี้ได้
Oprah Winfrey เข้าสู่การเริ่มต้นทำงานในฐานะของสื่อมวลชนมาตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี โดยได้เป็นผู้ประกาศข่าวที่มีอายุน้อยที่สุด และเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงที่เป็นผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ส่วนความสำเร็จในการเป็นพิธีกรนั้นเริ่มต้นมาจากการทำรายการ AM Chkcago เมื่อปี 2527 ก่อนมาเปลี่ยนเป็นรายการ ดิ โอปราห์ วินฟรีย์ในอีก 2 ปีต่อมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น Oprah Winfrey มีอายุได้เพียง 30 ปี ชีวิตของ Winfrey ได้เกิดพลิกผันเมื่อมาเป็นพิธีกรรายการจนมีเรตติ้งที่พุ่งกระฉูดจนต้องมีการเพิ่มเวลาในการออกอากาศ และต่อมารายการ ดิ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ก็กลายเป็นทอล์คโชว์ที่มีเรตติ้งที่สูงสุดเท่าที่วงการทีวีในสหรัฐอเมริกา ฯ เคยมีมา ซึ่งความสำเร็จในครั้งทำให้ Winfrey ผันตัวจากการเป็นลูกจ้างมาสู่การเป็นเจ้าของบริษัท Hapro เพื่อผลิตรายการเอง นอกจากรายการโทรทัศน์ Winfrey ก็ยังมีการจับธุรกิจตัวอื่น ๆ อีกหลายแขนง เช่นการออกนิตยสารผู้หญิงที่สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 2 ล้านคนและสร้างสถิติการเป็นนิตยสารที่ได้กำไรเร็วมากที่สุด
แต่ในขณะที่ Winfrey กำลังเดินต่อไปด้วยก้าวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด ก็กลับถูกพ่อแท้ ๆ ของตนเอง เขียนหนังสือแฉชีวิตลูกสาวตนเองเพื่อแลกกับเงินรายได้ในการขายหนังสือ ทำให้ Winfrey ต้องรู้สึกเจ็บช้ำอีกครั้งที่พ่อแท้ ๆ ของตนเองกลับมาขายลูกสาวกินด้วยการออกหนังสือเล่าเรื่องราวเลวร้ายของ Winfrey ในวัยเด็ก และเปิดเผยความสัมพันธ์ของ Winfrey กับแฟนหนุ่มจนเป็นที่มีของการท้องและสูญเสียลูกไปของ Winfrey ในวัยเพียง 14 ปี และได้กล่าวโทษว่าลูกสาวเป็นคนไม่ดีอีกด้วย แต่วิกฤตคราวนั้นก็ไม่ได้กระทบชีวิตต่อชื่อเสียงหรือความนิยมของผู้คนที่มีต่อ Winfrey แต่อย่างใด เพราะไม่ว่าจะจัดอันดับผู้ที่ประสบความสำเร็จและมีอิทธิพลต่อชาวโลกครั้งใด เจ้าแม่แห่งวงการสื่อคนนี้ก็จะติดโผแทบทุกครั้ง
ทั้งนี้ใครจะเชื่อว่าสาวน้อยผิวสีที่ถูกทั้งการเหยียดสีผิว โดนล่วงละเมิดทางเพศ และถูกปลดออกจากรายการเพียงแค่เพราะใส่อารมณ์และความรู้สึกร่วมไปกับข่าวมากจนเกินไป แต่สิ่งที่ Winfrey มีและเป็นประโยชน์ต่อตัวเองมาตลอด นั่นคือความคิดในการเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองให้สามารถนำเอาเรื่องราวที่เจ็บปวด มาเป็นแรงผลักดันสร้างแรงบันดาลใจที่ทรงพลังให้กับตนเอง โดยวาทะเด็ดที่ Winfrey ให้ไว้คือ การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ คือการที่คนคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเองด้วยการเปลี่ยนทัศนคติใหม่ คำกล่าวของผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลระดับโลก และยังเป็นแรงบันดาลใจในการสู้ชีวิตของใครหลาย ๆ คน เพราะแค่เพียงพลิกมุมมอง เปลี่ยนความคิด ก็ทำให้สามารถมีชีวิตรอดท่ามกลางมหานครใหญ่ที่ไม่เคยยอมรับชาวผิวสี
ชีวิตที่พลิกผันของพิธีกรสาวที่พลิกไปพลิกมาอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความเป็นคนมีความสามารถและมีคิดที่ดีมาตลอด ทำให้สามารถพลิกเรื่องราวเลวร้ายทุกอย่างในชีวิตให้ฟื้นกลับมาได้ใหม่อยู่เสมอ Winfrey ยังเคยมีปัญหาเรื่องของการติดยาเสพติดจนต้องเปลี่ยนงาน และสุดท้ายก็ยอมบำบัดและกลับมามีชีวิตที่สดใสดังเช่นทุกวันนี้ จุดเด่นของ Winfrey คือเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบที่ดี และมีวาทศิลป์ที่น่าฟัง และ Winfrey ยังสามารถดึงเอาสิ่งที่เรียนรู้มาและพรสรรค์ของตัวเอง นำมาเป็นจุดเด่นในรายการทอล์คโชว์ยอดนิยมที่ทำให้โด่งดังมาได้จนถึงทุกวันนี้ และถึงแม้ในปัจจุบันรายการอันโด่งดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Winfrey จะได้ปิดฉากลงไปด้วยความยาวนานถึง 25 ปี แต่ก็ยังคงโลดแล่นในการบริหารงาน OWN ที่เป็นช่องเคเบิ้ลของตนเอง และยังคงเดินหน้าในการทำสาธารณกุศลในด้านต่าง ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่ง Winfrey นั้นได้ใช้เงินส่วนตัวของตัวเองที่มีมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์หรือราว ๆ 1,200 ล้านบาท เข้าช่วยเหลือองค์กรเด็กและสตรีที่ด้อยโอกาสในประเทศแอฟริกาใต้ เพราะเล็งเห็นถึงปัญหาและสิ่งที่ต้องการจะช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้ต่อสู้กับปัญหาทางสังคมต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องเงินทองเท่านั้น และเป็นการมอบโอกาสทางการศึกษาที่ดีให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย
ในรายการของ Winfrey เธอได้เคยกล่าวกับเพื่อนสนิทถึงสิ่งที่ทางรายการต้องการจะนำเสนอว่า สถานการณ์ไม่ใช่ตัวกำหนดในสิ่งที่เราเป็น ถ้าวันนี้จะต้องเผชิญเรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ แต่เราก็จะยังมีวันพรุ่งนี้ให้สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ และถ้าคนในสังคมจะปฏิเสธว่า “ไม่มีวันทำมันได้” แต่คนที่ตอบคำถามเหล่านี้ มีแค่เพียงตัวของเราเองเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นวาทะสำคัญอีกประโยคหนึ่งที่ผู้ต้องการแรงบันดาลใจจะต้องจดจำเอาไว้ เพื่อสามารถฝ่าฟันไปกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้า แล้วกลับขึ้นมายืนใหม่ด้วยความมั่นใจ พร้อมก้าวเดินตรงไปสู่ความสำเร็จกันอีกครั้งได้อย่างแน่นอน