ในยุคปัจจุบันคนเราส่วนใหญ่หมดเวลาไปกับการทำงานมากกว่าเวลาที่จะดูแลตนเองและครอบครัว เพราะเงินเป็นสิ่งที่เริ่มหายากมากยิ่งขึ้นทุกวันแต่ละครอบครัวหรือแต่ละบุคคลก็ต่างมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงิน จึงต้องขยันทำงานให้ได้เงินรายรับมากพอกับเงินรายจ่ายหรือคนในบางกลุ่มก็ตั้งใจทำงาน เพื่ออนาคตวันข้างหน้าใช้จ่ายอย่างประหยัดและหมั่นเก็บออมอยู่เสมอ แต่คนในกลุ่มแรกในยุคปัจจุบันนั้นหาได้ยากมากพอสมควรส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อหาเงินชดใช้หนี้ที่ก่อขึ้นมา ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ บางคนมีรายจ่ายที่ไม่เหมาะสมกับรายรับของตนเองจึงเกิดปัญหาเรื่อง การเงินติดขัด อยู่เสมอ
ยิ่งในยุคสมัยนี้คนเราสามารถสร้างหนี้ได้ง่ายมากขึ้นเพียงมีรายได้ประจำและมีเกณฑ์เงินเดือนที่ ได้ตามมาตรฐานของแหล่งสถาบันการเงินต่าง ๆ ก็สามารถที่จะทำบัตรเครดิต บัตรเงินสด หรือทำเรื่องกู้ได้เกือบทั้งหมด จึงทำให้คนเราเกิดหนี้สินเพิ่มพูนหนี้เก่ายังชดใช้ไม่หมดก็สร้างหนี้ใหม่ขึ้นมาอีกเงิน จึงไม่มีเหลือเก็บหรือในบางรายแทบไม่เหลือเงินในการใช้จ่ายให้อยู่รอดตลอดทั้งเดือน
เพราะด้วยนิสัยความฟุ้งเฟ้อของคนเราเป็นหลักเลือกซื้อหรือผ่อนชำระสิ่งของที่ไม่มีความจำเป็นหรือ เกินตัวมากเกินไป บางคนทำงานไม่เท่าไหร่ก็อยากที่จะมีรถยนต์คันใหม่เพื่อที่จะได้เทียบเท่ากับผู้อื่น ยอมเป็นหนี้ก้อนใหญ่เพื่อได้เชิดหน้าชูตา แต่เมื่อถึงเวลาผ่อนชำระจึงจะรู้สึกได้ว่ามัน คือ ภาระก้อนใหญ่ ที่ต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการผ่อนชำระหรือในบางคนเงินเดือนอาจไม่สูงมากแต่คิดว่าตนเองเงินเดือนสูงแล้วสามารถผ่อนบ้านได้อย่างสบายภาระหนี้เรื่องรถยนต์ว่าหนักพอสมควรแล้วแต่ภาระหนี้สินที่กู้ยืม มาซื้อบ้านหรือก่อสร้างบ้านั้นหนักกว่าหนี้รถยนต์หลายเท่าตัว บางคนผ่อนชำระทั้งบ้านและรถทำให้หนี้สินท่วมหัวจนไม่สามารถที่จะไปรอดได้ท้ายที่สุดก็ต้องยอมเสียทั้งบ้านทั้งรถและต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ อีกครั้ง
-
วัตถุนิยม
อย่างเช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ เครื่องเองดับ เป็นต้น ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เงินรายรับ ไม่พอดีกับเงินรายจ่าย เพราะคนส่วนใหญ่ชอบอะไรที่เกินตัวเพื่อที่จะได้อวดผู้อื่นว่าตนก็มีหรือหามาได้เช่นกันด้วยการยอมเป็นหนี้เพื่อที่จะมีวัตถุนิยมตามสังคมที่ตนเองอยู่ แม้ว่าเบื้องหลังแล้วจะต้องใช้ชีวิตประจำวันอย่างยากลำบากก็ตามขอให้ดูภายนอกแล้วตนเองทัดเทียมกับผู้อื่นก็เพียงพอแล้ว จนลืม ไปว่าสิ่งเหล่านี้มันมีพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เมื่อผู้อื่นเปลี่ยนไปใช้งานรุ่นใหม่ก็ต้องตามไป ให้มีเหมือนผู้อื่นให้ได้ หนี้เก่าไม่หมดก็สร้างหนี้ใหม่แล้วเงินรายรับจะเพียงพอต่อรายจ่ายได้ เช่น ไร
-
การเข้ารับประทานอาหารตามร้านดัง ๆ
หรือร้านหรู ๆ นั้น เหมาะสมกับผู้ที่มีรายได้แน่นอนและไม่เดือดร้อนหากจะรับประทานหรือดื่มเครื่องดื่มหรืออาหารที่มีราคาแพงต่อมื้อ หากเป็นเพียงพนักงานเงินเดือนที่ยังมีภาระหนี้สินมากมายร้านเหล่านี้อาจจะไม่เหมาะสักเท่าใด เพราะอิ่มเพียงมื้อเดียวแต่ต้องอยู่ อย่างยากลำบากไปตลอดทั้งเดือนมันคงไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอนไม่ว่าจะใช้จ่ายใด ๆ ก็ควรที่จะคำนึงถึงสภาพคล่องของตนเองเอาไว้ให้มากที่สุด บางครั้งการปรุงอาหารเพื่อรับประทานกับคนในครอบครัว เสียเงินเพียงเล็กน้อยแต่ได้รสชาติอาหารที่ดีและยังมีเวลาร่วมกันกับคนในครอบครัวน่าจะเป็นทางออก ที่ดีกว่าการไปนั่งรับประทานอาหารตามร้านที่มีราคาแพงได้พอสมควร
-
การตกแต่งบ้าน
ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนเราส่วนใหญ่หมดเงินไปเป็นจำนวนมากต่อครั้ง โดยลืมคิดไปว่าอุปกรณ์ตกแต่งบ้านบางอย่างนั้นหาซื้อในราคาที่ไม่แพงก็ให้ความสวยงามได้ไม่ต่างจากอุปกรณ์ตกแต่งราคาแพงอย่างเช่น ม่านที่ติดตาหน้าต่างและประตูบ้านหากเลือกแบบราคาแพงแล้วคิดว่าบ้านสวย ใครไป ใครมาก็ต้องชมและยอมเสียเงินจำนวนไม่น้อยในการใส่ม่านแต่ละครั้งเป็นความคิดที่ผิด และสิ้นเปลืองอย่างมาก ผ้าม่านราคาถูกและมีคุณภาพที่มีจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดมีอยู่มากมาย หากรู้จักเลือกลายให้ดีและนำมาติดตั้งให้สวยงามก็ทำให้บ้านเรือนดูสวยขึ้นมาได้ไม่ใช่น้อยเช่นกัน การตกแต่งชุดเครื่องครัวก็เป็นการสิ้นเปลืองเช่นกันเพราะทุกวันนี้คนเราแทบไม่มีเวลาจะดูแลตนเองเสียเงินทำครัวหมดเป็นแสนแต่ใช้งานจริงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ หรือแม้ว่าจะใช้งานครัวเรือนอยู่บ่อยครั้งก็ตกแต่งให้เพื่อใช้งานได้เข้าไปประกอบอาหารได้ไม่จำเป็นต้องสวยงามมากมายเพียงแค่รู้จักรักษาความสะอาดอยู่เสมอก็เพียงพอแล้ว
-
การตกแต่งรถ
เป็นส่วนทำให้คนเราไม่มีเงินเหลือเก็บและหมดเงินไปโดย ไร้ประโยชน์ บางคนยังผ่อนชำระหนี้รถยนต์ไม่หมดแทนที่จะเก็บนำเงินส่วนที่แต่งรถไปผ่อนชำระหนี้ เพื่อให้หนี้เหลือลดน้อยลงแต่กลับนำมาตกแต่งรถยนต์จนเงินหมดไม่เหลือแม้แต่จะผ่อนชำระหนี้สินหรือใช้จ่าย ในชีวิตประจำวันเพราะเพียงแค่อยากให้ผู้อื่นเห็นว่ารถยนต์ของตนเองนั้นสวยงามมากแค่ไหน แต่ในความจริงแล้วคนเราความชื่นชอบนั้นแตกต่างกัน
ก่อนใช้จ่ายเงินควรคำนึงถึงรายรับของตนเองอยู่เสมอว่ามันจะเพียงพอต่อรายจ่ายหรือไม่ แบ่งสรรปันส่วนเงินให้ลงตัวและต้องมีเงินเก็บเอาไว้ตลอดที่มีรายรับเข้ามา รู้จักจดบันทึกการใช้จ่ายและรายรับของตนเองอยู่ตลอดทุกวันจะช่วยให้รู้ถึงค่าใช้จ่ายว่าส่วนไหนสำคัญและไม่สำคัญหากสามารถคุมค่าใช้จ่ายของตนเองได้อยู่เสมอทุกเดือนเมื่อมีเงินเก็บเป็นจำนวนมากแล้วจะซื้อรถยนต์หรือซื้อบ้านก็เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อรายรับรายจ่ายอีกต่อไป