คนเราทุกคนย่อมต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ไม่ว่าจะอยู่แบบโสดหรืออยู่กันเป็นครอบครัวก็ตามซึ่งสิ่งที่จะทำได้ในขณะนี้ก็คือเตรียมวางแผนชีวิตไว้ในยามชราตั้งแต่ขณะนี้ ตอนที่มีกำลังแข็งแรงและมีมันสมองในการคิดอ่านบริหารงานบริหารเงิน เพื่ออนาคตจะได้มีความสุข สุขสบาย และ ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ตามที่หวังไว้
ต้องมีเงินเท่าไรบ้างจึงจะสบาย
หากจะตอบคำถามนี้ได้คงต้องคิดก่อนว่าทุกวันนี้เรามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น ค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าน้ำมันรถ ค่าซื้อเสื้อผ้า หรือค่าประกันชีวิต เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน บางคนใช้จ่ายเดือนละ 10,000 บาท บางคน 20,000 บาท หรืออีกหลายคนใช้จ่ายน้อยกว่าหรือมากกว่านั้น และเมื่อเรารู้ค่าใช้จ่ายตัวเองดีแล้ว ก็นำเงินรายได้ที่มีอยู่มาจัดการบริหารการเงินให้พอดีและเหลือเก็บด้วยวิธี
รายรับ – เงินออม = รายจ่าย
ซึ่งข้อดีของการดำเนินวิธีการนี้ก็คือไม่ยุ่งยาก ไม่มีความซับซ้อน ขอเพียงเปิดบัญชีธนาคารได้ก็พอ นอกจากนี้ยังสร้างความมีวินัยทางด้านการเงินให้กับตนเอง และสุดท้ายเป็นการทยอยสะสมเมื่อถึงเวลาก็ไม่ต้องใช้เงินก้อนมากมาย แต่ควรมีแผนการรองรับเท่านั้นเอง
- จากนั้นวางแผนการณ์ในชีวิตที่ต้องใช้เงินก้อนหลัก ๆ เช่น
- ท่องเที่ยว
- ทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
- ผ่อนบ้าน / ผ่อนรถ
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
- เมื่อวางแผนอนาคตที่ต้องการได้แล้วขั้นตอนต่อไปก็คือนำเงินรายได้มาจัดสรรปันส่วน
เช่น หากมีเงินเดือน เดือนละ 20,000 บาท ก็นำมาเปิดบัญชีตามที่เราวางแผนชีวิตไว้โดยฝากเงินเข้าบัญชีแต่ละบัญชีไว้ก่อนเลย นั่นคือ
- ฝากท่องเที่ยว 1,000 บาท
- ประกันชีวิต 1,000 บาท
- ผ่อนบ้านผ่อนรถ 1,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 1,000 บาท
เท่ากับเดือนหนึ่งหักออกไป 4,000 บาท ก็จะเหลือเงิน 16,000 บาท จากนั้นนำเงินที่เหลือมาหักค่าใช้จ่ายในบ้าน เช่น ค่าน้ำค่าไฟ 2,000 บาท ค่าอินเตอร์เน็ต 1,000 บาท ค่ากิน 9,000 บาท ค่าเดินทางไปทำงาน 3,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 1,000 บาท ก็จะเท่ากับเงินเดือนที่เหลือพอดี 16,000 บาท
และหากจะถามว่าพอไหม ตอบได้เลยว่าพอและอยู่อย่างสบายแน่นอนสำหรับชีวิตโสดแต่ถ้าเกิดคุณมีครอบครัวขึ้นมาถามว่าจะพอไหมหากทำงานด้วยกันทั้งสามีภรรยาและใช้วิธีการนี้พอใช้และอยู่กันอย่างสบายแน่นอนแต่หากมีลูกขึ้นมาเงินเริ่มชักไม่พอใช้แล้ว และหากต้องมีภาระอื่นอีก เช่น ต้องเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่ เกิดภาวะเจ็บป่วยกะทันหันทำงานไม่ได้ เงินก้อนนี้อาจไม่พอแน่นอน ซึ่งหากคิดคร่าว ๆ ถึงค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เช่น ส่งให้คุณพ่อคุณแม่เดือนละ 5,000 บาท เตรียมไว้สำหรับเจ็บป่วยเดือนละ 2,000 บาท ค่าใช้จ่ายของลูกเดือนละ 5,000 บาท (เป็นอย่างต่ำ) ก็จะมียอดที่เพิ่มขึ้นอีก 12,000 บาท เท่ากับว่า หากต้องการมีชีวิตที่สุขสบายต้องมีเงินถึงเดือนละ 32,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม : ประโยคคลาสสิค ที่จะทำให้ มีเงินใช้ไปตลอดชีวิต
วิธีหาเงินเพิ่มของมนุษย์เงินเดือน
หากเงินที่มีอยู่เริ่มไม่เพียงพอกับความต้องการก็คงต้องหาวิธีมีรายได้เพิ่ม ดังนี้
1.ขายของตามตลาดนัดตอนเย็น
ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในกรุงเทพหรือต่างจังหวัดตอนเย็น ๆ มักจะมีตลาดนัดที่เป็นแหล่งรวมให้คนได้มาจับจ่ายใช้สอย ดังนั้นจึงควรลองหาธุรกิจเล็ก ๆ มาทำดู เช่น ขายลูกชิ้น ขายขนม ขายหมูปิ้ง ขายตุ๊กตา หรือหากไม่ค่อยมีเวลาก็ลองนำเสื้อผ้าที่มีอยู่มาขายหรือไปรับมาขายก็ได้เหมือนกัน
2.ซื้อแฟรนไชส์ มาขาย
สำหรับวิธีนี้อาจจะขายของได้ตลอดทั้งวัน แต่อาจจะต้องจ้างพนักงานเพื่อให้ดูแลร้านแทน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีเงินซื้อแฟรนไชส์ ต้องบริหารจัดการร้าน ค่าจ้าง และบริหารพนักงานให้เป็นด้วย
3.รับจ้างพิมพ์งานหรือทำวิทยานิพนธ์
สำหรับอาชีพนี้ อาจจะต้องใช้ความชำนาญในการทำงานด้วย เช่น การพิมพ์งานก็อาจต้องพิมพ์ให้ไว ถูกต้องและตรงตามเวลาที่ลูกค้านัดรับไว้หรือถ้ามีความรู้หน่อยก็อาจรับจ้างทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งอาจจะเพิ่มเงินในกระเป๋าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
4.ขายของออนไลน์
ทุกวันนี้กว่า 50% ของพนักงานบริษัท มักจะขายของออนไลน์กันแทบทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สินค้าแฟชั่น ตุ๊กตา หลากหลายชนิด แต่สิ่งสำคัญก็คือ ต้องบริหารเวลา การจัดส่งสินค้า และการตรวจสอบเงินโอนให้เป็นระบบด้วย
5.ทำอาหารปิ่นโต ส่งตามออฟฟิศ หอพักหรือร้านค้า
หากมีฝีมือในด้านการทำอาหารหรือทำขนมก็ลองหันมาใช้เวลาว่างทำอาหารส่งตามบ้าน ร้านค้า หอพัก หรือ ออฟฟิศ เพราะคนส่วนใหญ่สมัยนี้จะไม่มีเวลาในการทำอาหารและมักหาซื้อจากข้างนอกนำมาทานกัน ซึ่งหากรับจ้างทำอาหารปิ่นโตแบบนี้ ก็จะช่วยเพิ่มรายได้ให้ได้มากเลยทีเดียว
6.ซื้อทอง หุ้นหรือกองทุนรวม
ซึ่งก่อนที่จะลงทุนพวกนี้ก็ควรที่จะศึกษาให้รอบคอบก่อนแล้วค่อยลงทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
จากตัวอย่างการหารายได้เสริมข้างต้น ก็อาจจะทำให้เราสามารถหาเงินได้เพียงพอกับความต้องการ และมีชีวิตที่สุขสบายตามที่หวังไว้ได้ ซึ่งการหารายได้เสริมแรก ๆ ก็อาจเป็นงานเสริมแต่ทำไปทำมา หากประสบความสำเร็จงานเสริมก็อาจจะขยับเป็นงานจริงได้ ถ้ามีความขยันและอดทนในการทำงานมีการบริหารเวลา ที่ดีพอ ในไม่ช้าชีวิตที่ฝันไว้ก็อาจเป็นจริงขึ้นมาได้