“หนี้” คำนี้ไม่ว่าใครก็ถือว่ามันคือวิกฤติของชีวิต ปัจจุบันที่สภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยจะสู้ดี ราคาน้ำมันตก หุ้นไทยร่วงต่ำประมาณที่ 1250 จุด (01/2016) ถือเป็นฝันร้ายของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนที่มีหนี้ก้อนโตเป็นภาระติดตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะจากการ ผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโด ผ่อนรถ หรือจากสินเชื่อที่กู้มาเพื่อทำธุรกิจ แต่เศรษฐกิจก็ดันชะลอตัวจนหมุนเงินมาชำระไม่ทัน หรือบางรายหนัก ๆ หน่อยก็ถึงขั้นต้องปิดกิจการ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SME ที่มีสภาพคล่องย่ำแย่ ปิดตัวไปตาม ๆ กัน รวมถึงพนักงานประจำที่ส่วนใหญ่อาจติดหนี้จากการใช้บัตรเครดิต เรียกได้ว่าไม่ว่าอาชีพไหน ๆ ก็ไม่ชอบและเกลียดการเป็นหนี้ด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นเราจึงมีเทคนิคในการฝ่าวิกฤตครั้งนี้มาแนะนำให้ลองทำกัน
เทคนิคทั้ง 5 ที่ใช้ในการฝ่าวิกฤตหนี้ มีดังนี้
- ทำบัญชีรายรับ-จ่าย
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย นั้น ถือเป็นเรื่องแรก ที่ต้องมาแนะนำให้ทำกัน เพราะการทำบัญชีสามารถสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของตัวเราเองได้ ว่าในแต่ละวันเรามีรายได้เท่าไร จากอะไรบ้าง และเราใช้จ่ายอะไรบ้าง จำเป็นหรือไม่จำเป็น การทำบัญชีถือเป็นการฝึกวินัยในการใช้จ่ายได้ด้วย เพราะการจะใช้จ่ายแต่ละครั้ง เราจะคอยคิดคำนวณว่าเราใช้เงินมากเกินความจำเป็นหรือไม่ ทำให้เราเป็นคนละเอียดในการใช้จ่ายมากขึ้น
- ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
เมื่อเราทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เรียบร้อยแล้ว และทำเป็นประจำทุก ๆ วัน ผ่านไปซัก 1-2 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ให้เรากลับมานั่งดูบัญชีที่เราทำไว้ มาดูพฤติกรรมของตัวเอง ว่าการใช้จ่ายของเรามันเหมาะกับรายได้ที่เราได้รับหรือไม่ แล้วถ้ามีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เราก็จะได้ตัดมันออกไป ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่าย ก็คือ การชำระหนี้ เราจำเป็นต้องชำระหนี้ให้ตรงเวลา เพื่อปลดภาระของตัวเราออกไป โดยการกันเงินส่วนนี้ไปชำระหนี้เสียก่อน แล้วที่เหลือค่อยนำมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น สิ่งที่ไม่จำเป็นก็ยังไม่ต้องหาซื้อมาเพื่อเป็นภาระในการใช้จ่าย
- ออมก่อนใช้
เมื่อเรารู้แล้วว่า เรามีภาระในการต้องชำระหนี้เป็นเงินเท่าไรนั้น เราก็กันส่วนนั้นไปชำระ และอีกส่วนหนึ่งที่ต้องทำก็คือ การออม ซึ่งการแบ่งเงินออมไว้ก็จะทำให้เวลาที่เราต้องการใช้ หรือต้องการใช้จ่ายอะไร เราก็จะมีเงินสดไว้ใช้จ่าย และมีเงินออมไว้เป็นเงินฉุกเฉิน เผื่อวันดีคืนดี มีเรื่องต้องใช้เงินขึ้นมาแต่เราไม่มี ก็ต้องไปหากู้มาอีก เป็นหนี้ซ้ำซ้อนอีก ก็คงจะไม่ดี เพราะฉะนั้นเราจะออมเงินได้ ก็ต้องออมก่อนใช้ อย่าใช้ก่อนออม เพราะโดยทั่วไปแล้วนั้นจะใช้จนหมดแล้วไม่มีเหลือไว้ออม
- อาชีพเสริม
เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เกินตัว ทำให้เกิดหนี้ ก็ต้องหาหนทางเพิ่มรายได้เพื่อมาชำระหนี้ให้หมดเร็ว ๆ การทำอาชีพเสริมก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี ปัจจุบันการทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตแพร่หลายขึ้นมาก และมีหลากหลายงานเสริมให้เลือกทำเพื่อหารายได้ ตัวอย่างเช่น งานเขียน การเขียนบทความออนไลน์เพื่อขายก็เป็นอาชีพที่น่าสนใจ สามารถสร้างรายได้ให้กับเรา ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของเราเอง ถ้าเขียนได้ดีก็จะได้ค่าจ้างในการเขียนที่เพิ่มสูงขึ้น อีกตัวอย่างงานที่น่าสนใจก็คือ การถ่ายภาพ ปัจจุบันมีการขายภาพผ่านเว็บไซต์ เช่น Shutterstock ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถถ่ายภาพและส่งไปเพื่อขายได้ เพียงแต่ต้องเป็นภาพที่มีคุณภาพ เนื่องจากจะมีผู้ตรวจว่าสามารถให้ขายงานได้หรือไม่ หรือถ้าไม่ถนัดก็มีการเปิดร้านค้าออนไลน์ขายสินค้าที่ชอบหรือสินค้าที่แตกต่าง ก็สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับเราได้ บางครั้งอาจหารายได้จากการทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้มากกว่างานประจำก็ได้
- ลงทุน
เมื่อมีการออม มีการหารายได้เสริม เราก็ควรนำมันมาสร้างรายได้เพิ่ม เนื่องจากการนำเงินออมไปฝากธนาคารนั้น ได้ดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยนิด หรือที่เรียกกันว่าดอกเบี้ยแพ้เงินเฟ้อ จึงควรนำเงินไปลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า โดยการลงทุนนั้นมีหลาย ๆ รูปแบบ เช่น การลงทุนในกองทุนรวม รูปแบบนี้คือเราไม่ต้องวิเคราะห์หรือหาความรู้มากนัก แค่เลือกกองทุนที่บริหารได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย ดูจากผลตอบแทนย้อนหลังซัก 3-5 ปี การลงทุนแบบนี้ก็จะสามารถทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีได้ หรือการลงทุนในหุ้น การลงทุนในหุ้นจะมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างมาก เพราะต้องใช้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ที่สูง มีหลายศาสตร์หลายทฤษฎีให้เลือกใช้ แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงตามเช่นกัน ดังคำที่ว่า “High Risk High Return” หรืออีกแบบ ก็คือการลงทุนใน RMF กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และ LTF กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งทั้ง 2 แบบ สามารถนำค่าใช้จ่ายมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ และความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น ดังนั้น เมื่อเราเป็นหนี้ เราก็ยิ่งต้องระมัดระวังในการลงทุน แต่ถ้าเรามีความรู้ในเรื่องธุรกิจมาก การลงทุนก็ยิ่งเป็นทางเลือกที่ดี กล่าวคือ เราต้องเลือกลงทุนให้เหมาะกับตัวเราเอง
เมื่อเราทำตามเทคนิค สู้หนี้ ทั้ง 5 เรียบร้อยแล้ว เราจะมีเงินสดที่ได้จากการลดการใช้จ่าย การออม การทำอาชีพเสริม และจากการลงทุน และเราจะนำเงินก้อนนี้ไปกลบหนี้ให้หมด โดยเริ่มกลบหนี้ก้อนที่มีสัดส่วนดอกเบี้ยมากที่สุดก่อน เมื่อทำแบบนี้ไปซักระยะ เราก็จะมีเงินใช้จ่ายในชีวิตได้สบายขึ้น และเราจะสามารถจะปลดหนี้ได้ในที่สุดอย่างแน่นอน ที่กล่าวมาดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ง่าย แต่ต้องใช้เวลา และการปลดหนี้ได้นั้น สิ่งที่สำคัญคือ “วินัย” และ “ทัศนคติ” ในการใช้ชีวิต บางคนรายได้น้อยแต่ใช้จ่ายเกินตัว แถมยังขาดวินัยในการทำตามแผนที่วางไว้ ก็คงยากปลดหนี้ได้ แต่ถ้ารู้จักปรับทัศนคติ กินอยู่อย่างพอดี พอเพียงกับตัวเอง ทำตามแผนที่ได้วางไว้อย่างมีวินัย ก็จะทำให้ปลดหนี้ได้ในที่สุดและรอดพ้นจากวิกฤตได้แน่นอน