ช่วงเวลาใกล้ที่จะสิ้นเดือนทีไร ก็เหมือนใกล้จะสิ้นใจทุกทีจริงหรือไม่ ? บางคนตอบ จริงค่ะ เพราะเงินใช้จ่ายใกล้จะหมดแล้ว แต่บางคนบอก เดี๋ยวก็เงินเดือนออกละ ทานมาม่าไปก่อนละกันช่วงนี้ เมื่อช่วงชีวิตหนึ่งได้ก้าวเข้าสู่วันทำงานแล้ว ก็เหมือนกับเราได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกขั้น มีเรื่องให้คิด ให้ต้องวางแผนกันตลอด ทั้งเรื่องงาน ส่วนตัว หรือเรื่องสำคัญๆอย่างเรื่องเงิน เชื่อว่าตอนนี้หลายคนก็มีโครงการในใจที่อยากจะทำ เช่น อยากหารายได้เสริมจากธุรกิจส่วนตัว อยากเข้าคอร์สฝึกอบรมเพื่อพัฒนาตนเอง การศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น กำลังจะวางแผนแต่งงาน อยากเก็บออมเพื่อดูแลครอบครัว เป็นต้น ซึ่งโครงการทั้งหมดนี้ ต่างก็โลดแล่นในหัวใครหลายคนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการหรือลงมือทำได้เป็นจริงเป็นจังเสียที เพราะยังขาดปัญหาหลักๆก็คือ เงินที่จะนำมาใช้จ่ายในส่วนนี้นั่นแหละ
เราจะทำอย่างไรดีล่ะ ทำงานก็ได้เงินเดือนหมื่นต้นๆเอง ไหนจะหักค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก วันนี้เราก็เลยมีแนวทางในการวางแผนเพื่อออมเงิน เก็บเงินแสนใน 1 ปี กันค่ะ
เงินหมื่นนั้นหาง่าย แต่เงินแสนเหมือนจะยังเป็นเรื่องยากอยู่สำหรับใครหลายคน เนื่องจากปัจจัยของรายได้ ที่มีไม่มากต่อเดือน อย่างบางคน หาเช้ากินค่ำ รับจ้างไปวันๆ ยิ่งแล้วใหญ่ การที่จะแตะเงินแสนได้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แต่เราพอที่จะมีวิธีอยู่บ้าง แต่ว่า มีกฎอยู่ข้อหนึ่งนะคะ นั่นก็คือ ขยันและอดทนค่ะ
100,000/12 = 8,333.33… ถ้าจะเก็บเงินให้ได้ 1 แสนภายใน 1 ปี นั่นแสดงว่า ใน 12 เดือน คุณต้องเก็บเงินให้ได้เดือนละ 8,300 บาทเป็นอย่างน้อย ซึ่งเงินในส่วนนี้ต้องเป็นเงินเก็บจริงๆนะคะ ไม่ใช่เงินหมุนเวียนใช้จ่าย เพราะถ้าเงินส่วนนี้ไม่ถูกเก็บในส่วนที่มันควรจะเป็นแล้ว อย่าว่าแต่เงินแสนในหนึ่งปีเลย การที่จะมีเงินออมสักหมื่นยังเป็นเรื่องยาก
เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ต่อไปก็คือ การเข้าสู่ขั้นตอนของการวางแผนเก็บเงิน ใช้เงิน และออมเงินกัน
-
สำรวจตัวเอง
ว่ามีรายได้กี่ทาง เช่นทำงานได้วันละ 300 บาท / 300×30= 9,000 บาทต่อเดือน(อาชีพรับจ้างทั่วไป ค่าแรงขั้นต่ำ ไม่มีหยุดเสาร์-อาทิตย์) ถ้าเป็นแบบนี้ เรามีทางเลือกสองทางค่ะ ในการวางแผนเก็บเงินออม ทางแรกคือ ในเมื่อรายได้เราน้อย เราลองมองหางานอื่นที่ให้ค่าตอบแทนสูงกว่านี้ได้ไหม ? หรือเราสามารถทำงานเสริมอื่นได้หรือไม่ เช่นขายของเล็กๆน้อยๆ ขายของออนไลน์ หรือทางเลือกที่สอง ถ้าทำไม่ได้จริงๆก็อาจจะลดเป้าหมายของเราลง จากแสนต่อปี อาจจะเหลือ 50,000 บาทต่อปี ก็จะตกเดือนละ 4,000 นิดๆ อาจจะพอมีลุ้น และต้องประหยัดแบบสุดๆด้วย แต่ถ้าใครที่มีงานเป็นหลักแหล่งมีเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาท/เดือน ขึ้นไป การเก็บเงินให้ได้เดือนละ 8,000 บาท นั้นคงไม่ยากเท่าไหร่ แนะนำว่าหักเก็บไว้ก่อนเสมอ เหลือเท่าไหร่ค่อยนำไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ
-
เปิดบัญชีธนาคารไว้อย่างน้อย 2 บัญชี
บัญชีแรกเป็นบัญชีสำหรับการใช้ง่าย ทำธุรกรรมทางด้านการเงิน ฝาก ถอน โอน ต่างๆ และอีกหนึ่งบัญชีหนึ่งขอให้เป็นบัญชีเงินฝากอย่างเดียว บัญชีนี้เราอาจจะเลือกเป็นการฝากประจำไปในตัวก็ได้ค่ะ จะได้เป็นการสร้างวินัยไปในตัว ทั้งยังได้รับผลตอบแทนที่เป็นดอกเบี้ยอีกด้วย หากใครสนใจลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากธนาคารใกล้บ้านที่ท่านต้องการเลยค่ะ
-
สำรวจการใช้เงิน
ในแต่ละเดือนว่าหมดเงินไปกับการใช้จ่ายอะไรบ้าง ขั้นตอนนี้อยากให้แยกเป็นรายการไปค่ะ เช่น ของใช้ส่วนตัว / ค่าเช่าบ้าน,ที่พัก / ค่าเดินทาง / ค่าไฟ+ค่าน้ำ / ค่าอาหาร / ค่าอื่นๆที่จำเป็น ฯ เมื่อจัดกลุ่มได้แบบนี้แล้ว ลองแยกย่อยเข้าไปอีกว่า ในค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่กล่าวมา เราใช้เงินไปกับอะไรมากที่สุด เช่น ของใช้ส่วนตัว ได้แก่อะไรบ้าง สบู่ โลชั่น เครื่องสำอาง ยาสีฟัน แชมพู ฯ อย่างเช่น ผู้หญิงก็จะชอบซื้อเครื่องสำอางบ่อยๆเป็นพิเศษ อาจจะลองลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ดูบ้างหรือเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ถ้าจะซื้อทั้งทีควรเลือกที่มีคุณภาพใช้งานได้นาน ดีกว่าซื้อแบบราคาถูกแต่ใช้งานได้ไม่กี่ครั้ง ไม่งั้นก็จะเกิดอาการอยากได้ใหม่ซื้อใหม่อยู่เรื่อยๆ ไม่ก็ลองมองหาชุดที่สามารถแมทซ์กันง่ายๆก็จะทำให้เราสนุกกับการสวมใส่และไม่เกิดอาการเบื่อ จะช่วยลดรายจ่ายได้ไปอีกทาง หรือค่าอาหารในแต่ละวันหมดไปเท่าไหร่ บางคนก็ชื่นชอบพบปะสังสรรค์งานเลี้ยงต่างๆกับเพื่อนเสมอ บางทีอาจจะต้องลดมาบ้าง ยิ่งถ้าใครเป็นนักดื่มตัวยง ถ้าลดได้จะมีเงินเหลือเก็บขึ้นเยอะเลย และยังทำให้สุขภาพไม่ย่ำแย่ด้วยนะ