หลายคนบอกว่าคนที่จะ เป็นเศรษฐี ได้นั้น ต้องมีพื้นฐานที่ดีมาก่อนตั้งแต่แรก เช่น ที่บ้านมีฐานะอยู่แล้ว หรือมีกิจการส่วนตัวที่สามารถทำให้เขาเป็นคนรวยได้ ซึ่งนั่นก็อาจจะถูก แต่ก็ไม่ทั้งหมด เชื่อหรือไม่ว่า ใคร ๆ ก็สามารถเป็นเศรษฐีได้ แม้ไม่ได้เป็นคนรวยมาก่อน เราสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้ หากเราเลือกวิธีการที่ถูกต้อง เราก็จะกลายเป็นเศรษฐีได้ไม่ยากอย่างแน่นอน
การเป็นเศรษฐีเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าโอกาสนั้นกำลังจะมาถึงเราแล้ว จะมีสัญญาณอะไรหรือไม่ที่กำลังบ่งบอกว่า “เรากำลังจะเป็นเศรษฐี” ลองมาสำรวจตัวเองดูว่า สัญญาณการเป็นเศรษฐีกำลังส่งมาถึงเรามีอะไรบ้าง
เหล่านี้คือสัญญาณที่กำลังจะบอกเราว่าเรายังคงมีโอกาสที่จะเป็นเศรษฐีอยู่ ลองมาดูกันว่าจริงหรือไม่
- ไม่ชอบเป็นหนี้
แน่นอนว่าคนที่เป็นหนี้ย่อมห่างไกลจากการมีเงินอย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้น คนที่ร่ำรวยและมีเงินทอง ย่อมไม่ปรารถนาที่จะเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ด้วยแล้ว เรายิ่งต้องอยู่ให้ไกล คนที่มีลักษณะเช่นนี้ มักจะหาหนทางหรือวิธีการที่จะทำให้ตัวเองรวยขึ้น ยิ่งไม่อยากเป็นหนี้มากเท่าไร ยิ่งต้องหาทางสร้างเงินให้กับตัวเองมากเท่านั้น
- ไม่อยากจน
เราต้องนึกถึงคำนี้ให้ดีว่า “คนรวยส่วนใหญ่ไม่อยากจน” ดังนั้น คนที่มีลักษณะเช่นนี้ มักจะหาทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองห่างไกลจากความยากจน เพราะความจนทำให้เรามองไม่เห็นหนทาง ที่จะสร้างความร่ำรวยขึ้นมาได้ อีกทั้ง ยังขาดอิสรภาพในการจับจ่ายใช้สอย ซื้อหาสิ่งที่เราอยากได้ หากเรามีเป้าหมายที่จะร่ำรวยเป็นเศรษฐี เราต้องไม่ผูกมิตรกับความยากจน
- คิดการใหญ่
คนที่มีโอกาสจะเป็นคนรวยส่วนใหญ่ มักไม่คิดถึงแค่วันนี้หรือวันพรุ่งนี้ แต่มักจะคิดถึงวันต่อ ๆ ไปเสมอ เขามักจะคิดว่าในวันต่อ ๆ ไปเขาจะวางแผนการใช้เงินของเขาอย่างไร มองหาเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเสมอ ทำอย่างไรเงินจึงจะงอกเงยขึ้นมามากกว่าเดิม คนรวยมักจะวางเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเสมอ แล้วมุ่งไปสู่เป้าหมายนั้นให้ได้
- มีต้นแบบที่ยิ่งใหญ่
คนที่มุ่งหวังไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นคนรวย หรือเป็นคนที่ประสบความสำเร็จก็ตาม เขามักจะมีเป้าหมายที่เป็นคนที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่ทำงานอยู่ในระดับเดียวกัน เพราะนั่นเท่ากับว่าเขามีต้นแบบที่น่าเชื่อถือ และสามาถเป็นแบบอย่างให้กับตัวเขาได้ หากจะเรียกให้ถูกคือ เขาสามารถคัดลอกความสำเร็จนั้นได้ง่ายขึ้น เพราะเขามีคนที่จะให้ลอกอยู่แล้วนั่นเอง