เมื่อวานนี้มีโอกาสได้เข้าไปอ่านกระทู้ในพันทิป ไปเจอกระทู้น่าสนใจเกี่ยวกับคนที่กำลังคิดจะลาออกจากงานประจำก็เลยอยากจะเขียนแชร์ กระทู้ที่ว่านี้ก็ตาม link นี้ เผื่อใครอยากจะตามไปอ่าน http://pantip.com/topic/35005637
คุณปุ๊ ศิริพงษ์ ที่เป็นผู้มาตั้งกระทู้เป็นชายวัยประมาณ 35-40 ปี ทำงานประจำและมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจส่วนตัวด้วย เขาเลยมาแชร์ความคิดเห็นและประสบการณ์ของเขาให้กับคนที่เบื่องานประจำและคิดจะลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวว่าก่อนลาออกให้ดูก่อนว่าเรามี 5 สิ่ง ต่อไปนี้ที่ต้องเตรียมพร้อมก่อน ถ้ายังไม่มีก็อย่าเพิ่งคิดจะลาออก 5 สิ่งที่คุณปุ๊กล่าวถึงก็มีดังนี้
1. เงิน
คุณปุ๊ให้ความสำคัญกับเรื่องเงินเป็นอันดับแรกและบอกว่าหากไม่มีเงินชีวิตก็จะพังทันที ก่อนลาออกให้ดูว่าเรามีเงิน 3 ก้อนนี้หรือยัง
- เงินสำรองฉุกเฉินยามเจ็บป่วย ทั้งของตัวคุณเองและคนในครอบครัว เงินสำรองนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเรามีทำประกันสุขภาพไว้ด้วยหรือไม่ และเวลาเจ็บป่วยเราอยากได้รับการรักษาพยาบาลในคุณภาพแบบไหน คุณปุ๊เปรียบเทียบระหว่าง “ห้องรวมในโรงพยาบาลรัฐบาล” กับ “ห้องพิเศษในโรงพยาบาลเอกชน” ทำให้เห็นภาพชัดเจนเลย หากยังไม่มีเงินก้อนนี้ก็อย่าเพิ่งคิดลาออกเลย
- เงินใช้จ่ายในช่วงที่ว่างงาน เมื่อลาออกมาในช่วงแรกอาจจะเป็น 3 เดือน หรือ 6 เดือนก็ตาม รายได้จากเงินเดือนที่เคยได้รับก็จะไม่มีแล้ว ในขณะที่ค่าใช้จ่ายยังคงมีอยู่เหมือนเดิม เงินส่วนนี้ก็คือเงินค่าใช้จ่ายของเราในช่วงที่เราตกงานนั่นเอง โดยเอาค่าใช้จ่ายรายเดือนคูณด้วยจำนวนเดือนจะเป็น 3 หรือ 6 เดือนก็ว่ากันไป
- เงินสำหรับลงทุนทำธุรกิจ จะลาออกมาทำธุรกิจก็ต้องมีเงินลงทุน จำนวนจะเป็นเท่าไหร่จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจที่จะลงทุน รวมถึงว่าจะมีเครดิตหรือเงินกู้จากธนาคารหรือแหล่งเงินทุนอื่นหรือไม่ เงินก้อนนี้สำคัญเพราะจะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะต้องกลับมาเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกหรือไม่
2. แผนธุรกิจ
ที่เขียนใส่กระดาษหรือพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ คุณปุ๊บอกว่าพวกแผนธุรกิจที่ยังเป็นความคิดอยู่ในหัว ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างนี่ถือว่าไม่นับนะ การมีแผนธุรกิจเป็นเรื่องเป็นราวจะทำให้เราวางแผนธุรกิจได้ครอบคลุม พิจารณาทั้งข้อดีข้อเสียได้ครบถ้วน คุณปุ๊เองก็เคยมีแผนธุรกิจอยู่ในหัวไม่ได้เขียนลงในแผ่นกระดาษ วาดฝันเห็นแต่ความสำเร็จ สุดท้ายก็เจ๊ง
3.คอนเนคชั่นหรือหุ้นส่วน
การทำอะไรด้วยตัวคนเดียวสมัยนี้เป็นเรื่องที่ยาก หากเรามีคอนเนคชั่นหรือหุ้นส่วนที่ดีที่มาช่วยเหลือธุรกิจของเราในด้านที่เราไม่ถนัด โดยที่ตัวเราก็ไปโฟกัสรับผิดชอบส่วนที่ตัวเองถนัด ธุรกิจของเราก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้โดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว
4. สินค้าที่จะต้องอยู่ในตลาดได้ 3-5 ปี
หากคิดลาออกทำธุรกิจ คุณควรหาสินค้าเจ๋ง ๆ ที่สามารถอยู่ในตลาดได้นาน ไม่ใช่เป็นประเภทมาไวไปไว แบบนี้ต้องคิดหาสินค้าใหม่ ๆ ตลอดเวลา เหนื่อยแย่เลย และถ้าสินค้านั้นสามารถทำกำไรให้เราได้ 2-3 เท่าก็ยิ่งเจ๋งไปเลย
5. ต้อง “หน้าหนา” ให้เป็น
คุณปุ๊แนะว่าเราควรลองฝึกขายตั้งแต่ยังทำงานประจำอยู่นั่นแหละ ขายของตามตลาดนัดในช่วงวันหยุดก็ได้ หรืออาจเปิดเป็นร้านค้าออนไลน์ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องทำธุรกิจเองก็จะได้ไม่เคอะเขิน
จากประสบการณ์ที่คุณปุ๊แนะนำไว้ในกระทู้ถือว่ามีประโยชน์มากและสามารถเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เบื่องานและกำลังคิดจะ ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ได้ลองหันมามองตัวเองว่า เรามีสิ่งเหล่านี้หรือยัง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือทำธุรกิจเป็นของตัวเองจริง ๆ แล้ว ต่างก็มีทั้งข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป เวลาเราเกิดความรู้สึกเบื่อหรือท้อแท้กับงานอยากให้เรานึกถึงข้อดีของงานที่เราทำอยู่ ก็อาจช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น เพราะไม่มีงานไหนในโลกนี้ที่จะมีข้อดีอย่างเดียวไม่มีข้อเสียเลย
คนที่ทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือนมักจะได้ยินเสียงบ่นตลอดว่า เบื่อเจ้านาย เบื่องาน เบื่อเพื่อนร่วมงาน ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานทุกวัน ไม่มีอิสระจะไปไหนก็ไม่ได้ งานที่รับผิดชอบก็แล้วแต่วันไหนเจ้านายนึกอยากจะให้ทำอะไรก็สั่งมา ทำงานมาตั้งหลายปีขนาดประหยัดยังไม่รวยสักที หรือกว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งแต่ละขั้นนี่ทำไมมันยากเย็นขนาด อยากให้หันมามองข้อดีของมนุษย์เงินเดือนที่อีกหลายอาชีพต้องอิจฉา คือ คุณมีความมั่นคงในระดับหนึ่ง มีรายได้ที่แน่นอน หลับหูหลับตาทำงานเพลิน ๆ ไปครบเดือน เงินเดือนก็เข้าบัญชีละ ความรับผิดชอบก็แค่งานของเราและมีเจ้านายเป็นแบ็คอัพคอยดูแลเราอีกทีไม่เครียดดี ทำงาน 5 วัน ก็ได้หยุด 2 วันละ ไหนจะวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ ตามปฏิทิน วันลาพักร้อนที่บริษัทให้สิทธิ์อีก หยุดกันบานตะไทเลย นอกเหนือจากเงินเดือนยังมีสวัสดิการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สิทธิลาป่วย ประกันสุขภาพ แถมปลายปีหากผลงานดียังมีโบนัสก้อนโตอีก
การทำธุรกิจส่วนตัวนั้น หากเราจับธุรกิจถูกตัว พูดง่าย ๆ คือ เก่งและโชคช่วยด้วยก็มีโอกาสรวยไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แถมเป็นเจ้านายของตัวเอง มีอิสระในการทำงาน สามารถตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร ขยันมากได้มากขยันน้อยได้น้อย สามารถใช้ศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ วันหยุดก็กำหนดเอง อยากจะหยุดจะพักเมื่อไหร่ก็อยู่ที่ตัวเรา ส่วนความเสี่ยงของการทำธุรกิจก็มีเหมือนกัน บางคนพลาดอาจถึงขั้นหมดตัวเป็นหนี้กันได้เลย รายได้ไม่แน่นอนอาจมีขึ้นลงตามวงจรของธุรกิจ เจ้าของธุรกิจส่วนมากถึงแม้มีเวลาและอิสระแต่ก็มักจะมีความเครียดด้วย เพราะต้องรับผิดชอบทุกอย่าง สวัสดิการหรือรายได้พิเศษต่าง ๆ ก็ต้องมาจากกำไรของธุรกิจเท่านั้น หากขาดทุนก็เลิกคิดได้เลย
ดังนั้น ขอให้พยายามมองข้อดีของงานประจำที่กำลังทำอยู่ให้ครบทุกด้านก่อน และสุดท้ายหากอยากจะเปลี่ยนไปทำธุรกิจก็ต้องศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมอย่างดีที่สุดเพื่อให้ธุรกิจเป็นจริงได้อย่างที่เราวาดฝันเอาไว้