รู้กันบ้างหรือเปล่า ว่าในฐานะที่เราที่ถือได้ว่าเป็นผู้ใช้บริการทางการเงินกับธนาคารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงิน การขอสินเชื่อต่างๆ นั้น เรามี สิทธิของผู้ใช้บริการทางการเงิน ต่างๆ อยู่เหมือนกันที่เราควรจะต้องรู้ไว้ สำหรับการไปใช้บริการจากธนาคารแล้วเราก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้บริการทางการเงินของธนาคารต่างๆ ได้
เรามาเริ่มที่ทุกครั้งที่เราไปใช้บริการจากธนาคาร เราจะต้องได้รับข้อมูลที่เพียงพอก่อนที่เราจะตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้บริการจากธนาคาร
ซึ่งสาวแบงค์หรือหนุ่มแบงค์ทั้งหลายเวลาจะเสนอบริการทางการเงินอะไรก็ตามให้เรา จะต้องอธิบายเงื่อนไขต่างๆ ที่มีให้เราได้เข้าใจเสียก่อน และต้องให้ข้อมูลเราอย่างครบถ้วนไม่บิดเบือนจากความเป็นจริง เช่น จะต้องบอกเราให้หมดถึงความแตกต่างของการฝากเงินกับการซื้อประกันชีวตแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งที่เราจะเจอกันส่วนใหญ่ คือ ซื้อประกันชีวิตสะสมทรัพย์ก็เหมือนกับการฝากเงิน ซึ่งจะต้องบอกให้หมดว่าเงื่อนไขของประกันชีวิตจะต่างจากเงินฝากตรงไหนบ้าง จะต้องไม่มีการโฆษณาหรือชักจูงเราด้วยข้อมูลที่ทำให้เราเข้าใจผิดได้ หรือข้อมูลต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าธรรมเนียมในการใช้บริการต่างๆ ธนาคารก็จะต้องบอกให้เรารู้ด้วย
สิทธิต่อมาที่เราควรจะรู้ไว้ก็คือ เราสามารถเลือกใช้บริการทางการเงินได้อย่างอิสระ
เช่น เวลาที่เราไปเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารสักแห่ง เราสามารถเลือกที่จะทำบัตร ATM บัตรเดบิต หรือจะไม่ทำบัตรเลยก็ได้ แต่ที่เรามักจะได้ยินพ่อแม่ ลุงป้าน้าอาของเรามาบ่นให้ฟังว่าวันนี้ไปทำประกันชีวิตที่ธนาคารมาอีกแล้ว เพราะเกรงใจเจ้าหน้าที่ธนาคาร เราก็จะต้องบอกให้พวกเขารู้ว่าเราปฏิเสธได้ แล้วถ้าได้ข้อมูลมาผิดๆ ก็สามารถแจ้งยกเลิกการทำประกันนั้นได้ หรือจะเป็นเหตุผลที่มักจะได้ยินบ่อยก็คือ ช่วยทำประกันเพราะสงสาร ทั้งๆ ที่การประกันนั้นไม่ได้จำเป็นเลย เราก็ต้องอธิบายให้เขาได้เข้าใจว่าถ้าทำไปแล้วเราเดือดร้อนก็ต้องไม่ทำ เราปฏิเสธที่จะไม่ทำประกันได้ ไม่ต้องเกรงใจเจ้าหน้าที่ธนาคารแต่อย่างใด
และถ้าในกรณีที่เราได้ข้อมูลไม่เพียงพอ ได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินฝากธนาคาร อัตราดอกเบี้ยสำหรับทำสินเชื่อ หรือจะเป็นข้อมูลการขายประกันพวงกับการเปิดบัญชีเงินฝาก การอนุมัติสินเชื่อ เราก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองได้ ไม่ว่าจะทำเรื่องร้องเรียนไปยังธนาคารต่างๆ ที่จะมีช่องทางการร้องเรียนหลายทาง อีกทั้งธนาคารจะต้องแจ้งผลการดำเนินการให้เราทราบในเวลาที่เหมาะสมด้วยอีกต่างหาก แต่ถ้าเราร้องเรียนไปที่ธนาคารเจ้าของเรื่องแล้วยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา เราก็สามารถที่จะแจ้งไปที่เบอร์โทรศัพท์ 1213 ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เลย
สิทธิของผู้ใช้บริการทางการเงินลำดับสุดท้าย คือ สิทธิที่เราจะได้รับการพิจารณาค่าชดเชยเมื่อเกิดความเสียหาย
เช่น ระบบไม่ตัดเงินจากบัญชีของเราเพื่อชำระค่าบริการต่างๆ ที่เราสมัครไว้ทำให้เรามียอดหนี้ค้างชำระ หรือเรากดเงินจากตู้เอทีเอ็มแล้วแต่ไม่ได้รับเงิน เจ้าหน้าที่ของธนาคารขโมยเงินจากบัญชีของเราไป หรือความเสียหายจากการใช้บริการทางการเงินต่างๆ ที่สามารถตรวจสอบและพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความผิดพลาด ความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ธนาคาร เราก็มีสิทธิที่จะได้รับค่าชดเชยความเสียนั้นจากธนาคารเจ้าของเรื่องได้ และธนาคารจะต้องแจ้งผลการดำเนินงานให้เราทราบเป็นระยะๆ จนกว่าเราจะได้รับชดเชยค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น
แต่ก่อนที่เราจะไปเรียกร้องค่าชดเชยต่างๆ จากธนาคารเราจะต้องมั่นใจเสียก่อนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของเราเอง เช่น ถ้าเราทำรายการโอนเงินทางอินเตอร์เน็ตหรือเว็บไซต์ แล้วพิมพ์เลขบัญชีผู้รับโอนผิดเอง แบบนี้เราจะไปเรียกร้องให้ธนาคารชดเชยค่าความเสียหายไม่ได้ แต่เราสามารถติดต่อไปที่ Call Center ของธนาคารให้ช่วยประสานงานกับผู้รับโอนเงินที่ผิดบัญชีให้ช่วยโอนเงินคืนกลับมาให้เรา ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับคนที่รับโอนไปว่าจะคืนเงินให้เราหรือเปล่า ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้เราไม่สามารถเรียกร้องจากธนาคารได้
ดังนั้นเรารู้ สิทธิของผู้ใช้บริการทางการเงิน ด้านต่างๆ กับธนาคารแล้วก็รักษาสิทธิของตัวเองด้วยนะ