นับแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หากสังเกตด้วยสายตาจะพบว่าอัตราการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ลดลงมาก และจากรายงานล่าสุดพบว่า ยอดอสังหาริมทรัพย์ 2559 นั้นหดตัวจากปีก่อนหน้านี้ ในขณะที่ดัชนีราคาของห้องชุดปรับตัวสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน จะดีกว่าหรือไม่หากเราทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันพร้อมหาแนวทางแก้ไขเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างทันท่วงที
อ่านเพิ่มเติม : ผ่าแนวโน้มวงการ คอนโดมิเนียม 2559
ยอดอสังหาริมทรัพย์หดตัว
นายโสภณ พรโชคชัย คาดการณ์ว่ายอดขายของอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มเปิดตัวในปีนี้จะลดลงจากปี 2558 โดยเขาประเมินว่าตลอดทั้งปี 2559 นี้ จะมีโครงการเปิดใหม่ ได้แก่ 96,600 หน่วย โดยรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 358,800 ล้านบาท สำหรับการวิเคราะห์ของนายโชคชัยผู้มีตำแหน่งเป็นประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้เปิดเผยข้อมูลแท้จริงว่าการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้ลดลงมากกว่าปี 2558 แม้ว่าในปี 2559 นี้จะเป็นปีที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากและมีมูลค่าสูงที่สุดในรอบ 22 ปี แต่ทว่ายอดจำหน่ายกลับไม่มากดังที่คาดการณ์เท่าใดนัก ทั้งนี้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ ทั้งนี้ก็เนื่องจากการจัดงานกระตุ้นซึ่งเป็นงานมหกรรมที่อยู่อาศัยซึ่งมีเจ้าของกิจการมาเปิดตัวในงานหลายต่อหลายราย ส่งผลให้ผู้ที่ได้เข้าชมงานนี้ได้รับแรงจูงใจและตัดสินใจซื้อง่ายดายกว่าเดิม
ทั้งนี้ราคาขายในเกณฑ์เฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.714 ล้านบาท โดยราคานี้นับเป็นราคาที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อปี 2558 ซึ่งอยู่ในราคา 4.029 ล้านบาท เนื่องจากการสร้างบ้านที่มีราคาแพงมาเพื่อจำหน่ายนั้นลดลงไปจากที่เป็นอยู่ แต่เดิมการสร้างบ้านเพื่อจำหน่ายมีจำนวนมาก
เป็นที่น่าแปลกใจว่าบ้านที่มีราคาแพงหรืออยู่ในหลัก 10 ล้านบาท ขึ้นไปนั้น ยังสามารถคงยอดขายเดิมหรือรักษาระดับการขายที่เท่าเดิม แตกต่างจากบ้านที่มีราคาถูกกว่า เป็นไปได้ว่าสาเหตุที่ยอดขายบ้านราคาปานกลางลดลงก็เนื่องมาจากผลกระทบทางสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่กำลังซื้อของประชาชนคนชั้นกลางลดลงนั่นเอง
ทั้งนี้ นายโสภณได้กล่าวว่าช่วงก่อนจะสิ้นปี 2559 นี้ ทางรัฐบาลอาจมีการแก้ไขสถานการณ์และวิกฤติเศรษฐกิจได้มากขึ้น จากผลที่โครงการลงทุนซึ่งเกิดจากภาครัฐได้ผลในระดับเป็นที่น่าพึงใจ ซึ่งผลลัพธ์ที่ดีอาจส่งต่อมาที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กระเตื้องขึ้นมากกว่าเดิมก็เป็นได้ โดยจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันอาจจะทำให้ปี 2559 นี้ มีหน่วยโครงการเปิดตัวใหม่ลดลงกว่าปีที่แล้วประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์
หากมาวิเคราะห์การจำหน่ายในส่วนของต่างจังหวัดนั้น นายโสภณกล่าวว่า ตลาดของที่ดินในปี 2559 นั้น มีโอกาสที่จะหดตัวมาก ทั้งนี้เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและกำลังการซื้อที่ลดลง แต่ถึงอย่างไรก็ดีต่างจังหวัดที่มีความเจริญและมีสภาพเมืองน่าอยู่ ยกตัวอย่างเช่น เมืองท่องเที่ยวหรือเมืองอุตสาหกรรม ได้แก่ ระยอง พัทยา หัวหิน คาดว่าจะสามารถรักษาระดับยอดขายที่คงเดิมในปีที่แล้วได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นายโสภณตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงปี 2560 คาดเดาว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยจะดีกว่าเดิม ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ว่าจะมีการเลือกตั้งนั่นเอง เมื่อมีบรรยากาศการเลือกตั้งก็เปรียบเสมือนการ ดึงดูดนักลงทุนให้กลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ทว่านายโสภณตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่อาจมีการเลือกตั้งได้ หรือการเมืองมีแนวโน้มที่รุนแรงกว่าเดิมก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดที่ดินอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวช้ากว่าที่ประมาณการณ์ไว้
ดัชนีราคาห้องชุดพุ่งสูงขึ้น
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจับตามองเวลานี้ก็คือ การที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้เปิดเผยตัวเลขอันมีนัยสำคัญ นั่นก็คือ ดัชนีราคาห้องชุดที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี ในขณะที่ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์เองก็มีการปรับเพิ่มขึ้น 1.7%
ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ซึ่งก็คือ นายสัมมา คีตสิน ได้เปิดเผยข้อมูลว่าการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบธุรกิจในด้านอสังหาริมทรัพย์พบว่ามีการปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าเจ้าของธุรกิจยังมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
ในส่วนของดัชนีราคาห้องชุดกลับแปรผกผันกับยอดขายของห้องชุดอย่างแท้จริง เนื่องจากว่าดัชนีราคาห้องชุดคอนโดมิเนียม ทาวเฮ้าส์ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีราคาของคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 4.9% หากมีการเปรียบเทียบในช่วงเดียวกันของปี 2558 โดยในส่วนของดัชนีราคาบ้านเดี่ยวและทาวเฮ้าส์มีการเพิ่มขึ้น 1.7%
ปัญหาที่เกิดขึ้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากกรณีที่คอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ มียอดขายที่ลงก็เนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันซึ่งก่อให้เกิดความฝืดเคืองและประชาชนมักคิดก่อนการใช้จ่ายเนื่องจากกังวลถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน บวกกับราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้น พิสูจน์ได้จากดัชนีราคาคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 4.9% ทำให้การซื้อเป็นไปได้ยากกว่าเดิมอีกเท่าตัว
แนวทางการรับมือ
การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนทำได้ โดยการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเชื่อได้ถึงการเลือกตั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ ก่อให้เกิดเม็ดเงินไหลเวียนส่งผลมายังประชาชนทั่วไป ในส่วนของประชาชนทั่วไปเองก็ควรตระหนักถึงการคิดก่อนใช้เงินและเน้นการซื้อสินค้าที่มีคุณภาพเพื่อให้ได้อสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้มากที่สุด
การรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบจะช่วยให้ปัญหาไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่คิด นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหามีสติในการแก้ไขปัญหามากกว่าเดิมอีกด้วย