สำหรับตลาดทองคำในประเทศไทยช่วงปลายปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมาเรียกได้ว่า คึกคักกันไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากราคาทองคำในประเทศมีการปรับลดราคาลงจนราคาอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบปี ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตกใจและน่าดีใจของผู้ซื้อในขณะเดียวกัน อย่างไรก็ตามพอราคาตกลง คนจำนวนมากจึงเข้าร้านทอง แม้แต่ประชาชนทั่วไปที่ปกติไม่ซื้อขายทอง ก็เข้าไปเลือกซื้อเพื่อเก็งราคาหรือซื้อเป็นของขวัญสำหรับวาระต่าง ๆ ในช่วงต้นปี 59 ส่วนทางด้านนักลงทุนในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไปว่า ราคาทองที่ลงต่ำลงเมื่อช่วงที่ผ่านมานั้น จะส่งผลอย่างไรถึง ราคาทองคำครึ่งปี 59 ต่อไป
หากนักลงทุนท่านใดจะซื้อเพื่อเก็งกำไรกันช่วงนี้เรียกได้เลยว่า สถานการณ์ยังคาดเดาได้ลำบาก เนื่องจากมีการคาดเดาและวิเคราะห์สถานการณ์ในช่วงปีนี้ไว้ไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่ช่วงประมาณต้นปี นายกสมาคมค้าทองคำและเจ้าของห้างทองจินฮั้วเฮง นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ออกมาคาดการณ์ว่า แนวโน้มราคาทองคำปีนี้นั้นจะไม่ลดต่ำกว่าระดับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และยังถือเป็นช่วงขาลงของตลาด ราคาน่าจะคงตัวที่ประมาณ 1,050 – 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ในด้านราคาทองคำในประเทศต่ำสุดสำหรับปีนี้จะอยู่ที่ 17,500 บาท และราคาขายสูงสุดไม่น่าจะเกินที่ 20,500 บาท
ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าส่งทองรายใหญ่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาทองคำมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 21,000 บาท เนื่องจากความต้องการในเทศกาลปีใหม่ ตรุษจีนและสงกรานต์ ที่ทองถือเป็นของขวัญที่เป็นที่นิยมเพื่อแจกจ่ายให้กับญาติ ๆ ส่วนทางด้านของราคาทองคำในตลาดโลกจะเริ่มฟื้นตันขึ้นถึง 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ แต่สำหรับนักลงทุนอาจต้องคำนึงถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจอ่อนตัวถึง 36.80 – 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว
ส่วนอีกด้านนายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ และผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์สถานการณ์ บริษัท จีที เวลธ์ เมเนจเมนท์ จำกัด คาดการณ์ว่า ราคาทองคำตลาดโลกจะเคลื่อนไหวในช่วง 1,000 – 1,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนตลาดในประเทศจะมีการซื้อขายที่บาทละประมาณ 17,500 – 21,500 บาท อย่างไรก็ตามหากราคาทองคำลดลงจนต่ำกว่า 18,000 บาทต่อบาททองคำ แนะนำให้ผู้ลงทุนซื้อสะสมและถือทองคำประมาณ ร้อยละ 15 – 20 พอคาดว่าจะทำกำไรที่ประมาณร้อยละ 5 – 10 อย่างไรก็ตามหากเป็นช่วงกำไรที่น่าพอใจแล้วละก็แนะนำให้ขายออกไปเสียก่อน เพราะกำไรในอนาคตยังไม่แน่นอนและยังผันผวนขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่
สำหรับสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังนั้นมีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่สนใจในทองคำว่า หากราคาทองคำไม่สามารถยืนอยู่ที่ 1,263 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ได้แล้วนั้นให้เริ่มแบ่งขายทองคำที่ถือครองอยู่ออกไปเพื่อทำกำไรบางส่วนก่อน แต่หากผ่านช่วง 1,263 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปได้ให้ชะลอการขายออกไป เมื่อทองคำในตลาดอ่อนตัวลงอยู่บริเวณแนวรับ 1,244 – 1,236 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ แนะนำให้เข้าไปซื้อเก็บเพื่อการทำกำไรในอนาคต
ราคาทองคำยังอยู่ในช่วงผันผวนและจะยังผันผวนไปอีกสักระยะ โดยเฉลี่ยแล้วยังมีการปรับตัวลดลงวันละ 5-6 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประกอบกับการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทางสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ NAR ออกมาเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับรายเดือน ขยับไปที่ระดับ 5.33 ล้านยูนิต เพราะแต่เดิมนั้นมีการคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.5 หรือที่ 5.3 ล้านยูนิต
ทางด้านค่าเงินยูโรของทางฝั่งยุโรป โดยค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงถือว่า เป็นแรงกดดันราคาทองคำอ่อนตัวลง ทางด้านนายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ยังออกมาเผยว่า มีแนวโน้มทีจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนมากเป็นพิเศษ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามมติการประชุมที่จะมีขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ดังนั้น อาจต้องจับตาความเครื่องไหวทางการแถลงการณ์ของทางอีซีบี ซึ่งจะส่งผลต่อราคาทองคำ ทางเทคนิคแล้วต้องคำนึงถึงค่าเงินและสภาพเศรษฐกิจของทั้งทางยุโรปและสหรัฐฯ
อ่านเพิ่มเติม : อะไรคือปัจจัยใน ความผันผวนของค่าเงิน อย่างแท้จริง
อีกส่วนหนึ่งคือราคาน้ำมันดิบในตลาดร่วงหน้า NYMEX ช่วงนี้นั้นพุ่งสูงขึ้นร้อยละ 3.8 อย่างไรก็ตามยังราคาต่ำกว่าที่คาดเอาไว้ ซึ่งทางผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะจัดการประชุมกันอีกครั้งเพื่อการควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมัน ซึ่งจะเข้าไปช่วยเหลือปัญหาแรงกดดันที่ราคาน้ำมันได้รับจากการที่มีคนงานน้ำมันคูเวตหยุดงานเพื่อการประท้วง ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบ ภายในเดือนพฤษภาคม อาจพุ่งขึ้นสูงอีก 1.55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะอยู่ในระดับ 39.85 – 42.91 ดอลลาร์ ซึ่งหากราคาน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมส่งผลต่อราคาทองคำให้สูงขึ้นแต่อาจไม่มากเท่าปกติ
ราคาทองคำในตอนนี้อาจไม่ขึ้นพรวดพราด แต่อาจค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างช้า ๆ สำหรับคนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้นอาจได้ผลกำไรค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ต่าง ๆ ต่อแนวโน้มราคาทองเป็นเพียงมุมมองตามปัจจัยทางการตลาดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เท่านั้น ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้คาดการณ์เหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพราะฉะนั้นต้องใช้วิจารณญาณในการคิดวิเคราะห์และติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ติดตามสถานการณ์หรือแถลงการณ์ของทางยุโรปและอเมริกา ซึ่งเศรษฐกิจยังค่อนข้างผันผวนไม่แน่นอน ทั้งเรื่องสภาพเศรษฐกิจเองและเรื่องของทางเมืองด้วย