เมื่อเริ่มต้นทำงาน หลายๆคนคงสนุกกับชีวิตการทำงานและใช้เงินที่หามาเองหาความสุขให้กับชีวิตอย่างเต็มที่ และคิดว่าวัยเกษียณยังเป็นเรื่องที่ไกลตัว และยังมีเวลาอีกนานที่จะเก็บเงิน แต่เชื่อหรือไม่ว่าวัยเกษียณเดินทางมาเร็วกว่าที่คิดแน่นอน ดังนั้นการวางแผนเก็บเงินเพื่อเกษียณจึงเป็นเรื่องที่ต้องรีบทำให้เร็วที่สุด
การออมเงินเพื่อเกษียณมีทางเลือกที่สามารถทำได้อย่างง่ายๆผ่านช่องทางที่บริษัทมีอยู่ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่ให้ประโยชน์มากที่สุดเพราะเมื่อคุณจ่ายเงินเข้ากองทุน นายจ้างหรือบริษัทก็จะจ่ายเงินสมทบให้ในจำนวนเท่าๆกันหรือมากกว่า อีกทั้งยังเป็นเงินที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีก ทำให้คุณมีเงินใช้หลังเกษียณได้อย่างสบาย นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดลับการออมเงินเพื่อการเกษียณที่มีการปรับให้เหมาะกับแต่ละช่วงอายุให้คุณสามารถเก็บออมเงินได้อย่างที่ต้องการ โดยไม่ต้องลำบากกับภาระทางการเงินในแต่ละช่วงอายุอีกด้วย
ช่วงอายุ 25-34 ปี หรือช่วงเริ่มสร้างครอบครัว
ในช่วงวัยนี้ เป็นวัยที่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการสร้างครอบครัวที่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เลี้ยงดูลูก ละอื่นๆอีกจิปาถะ บางครั้งเงินเดือนทั้งเดือนก็แทบไม่เหลือ ไม่ต้องพูดถึงแผนการเก็บเงินเพื่อวัยเกษียณ ทั้งที่แผนการเก็บเงินต้องใช้ระระยะเวลาในการเก็บออมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ดังนั้นในช่วงวัยนี้ต้องมีแนวทางการเก็บออมเงินดังต่อไปนี้
- ทำบัญชีรายรับรายจ่าย ก่อนอื่นต้องประเมินฐานะทางการเงินของตัวเองให้ชัดเจน ด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อที่จะได้ทราบว่าแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายอะไรที่จำเป็นบ้าง และมีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่สามารถลดได้ เพื่อที่จะได้นำเงินส่วนนั้นมาเก็บออม อย่างเช่น ค่าท่องเที่ยวหรือค่าช็อปปิ้งที่อาจลดปริมาณลงมา แล้วเพิ่มสัดส่วนไปใช้ในการลงทุนและการเก็บออมแทน
- นำเงินไปลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่งอกเงยมากขึ้นกว่าการฝากเงินเอาไว้ในธนาคารเฉยๆ ซึ่งการลงทุนมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการอย่างเช่น กองทุนรวม,ตราสารหนี้ และกองทุหุ้น เป็นต้น
- วางแผนในการเสียภาษีให้ดี ตรวจสอบค่าลดหย่อนต่างๆที่ให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี ทำให้จ่ายภาษีน้อยลงและมีเงินนำไปใช้ออมและลงทุนได้มากขึ้น
ช่วงอายุ 35-44 ปี หรือช่วงครอบครัวขยาย
ในช่วงวัยนี้ เป็นวัยที่มีภาระหน้าที่ที่สำคัญคือการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลทั้งลูกและพ่อแม่ที่สูงอายุ ทำให้ภาระทางการเงินยิ่งมีสูงมากแม้ว่าในช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า เงินเดือนเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องมีการบริหารจัดการให้ดีเช่นกัน โดยแนวทางดังต่อไปนี้
- ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูก คุณสามารถสอนให้ลูกวางแผนทางการเงิน ด้วยการสอนให้รู้จักเก็บออมและหารายได้พิเศษเพิ่ม เพื่อช่วยให้เด็กมีวินัยทางการเงินที่ดี และสามารถช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินให้กับพ่อแม่ได้
- หารายได้เพิ่ม ด้วยการหางานพิเศษที่สามารถเพิ่มรายได้ในวันหยุดหรือหลังเลิกงาน เช่น ขายของออนไลน์,เขียนหนังสือ,รับวาดภาพหรือทำภาพกราฟิก เป็นต้น
- ซื้อประกันสุขภาพให้กับพ่อแม่ที่สูงอายุ เมื่อพ่อแม่อายุมากขึ้น การเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ การซื้อประกันสุขภาพสำหับผู้สูงอายุจะเป็นหนทางที่ดีในการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลงไปได้มาก
- เก็บออมเงินอย่างต่อเนื่อง ในจำนวนเงินที่สม่ำเสมอตามที่ได้วางแผนเอาไว้ และไม่ควรนำเงินที่เก็บเอาไว้เพื่อใช้หลังเกษียณมาใช้โดยไม่จำเป็น ควรมีเงินสำรองเอาไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินไว้ก้อนหนึ่งโดยเฉพาะ
ช่วงอายุ 45-54 ปี หรือช่วงที่หน้าที่การงานมีความมั่นคง
แม้ในช่วงอายุนี้ จะเริ่มมีความมั่นคงทางการงานและการเงินอยู่พอสมควร แต่เวลาที่เหลือน้อยในการทำงานและเก็บเงินเพื่อเกษียณก็ทำให้คนวัยนี้ต้องมีการวางแผนทางการเงินที่รัดกุมไม่แพ้ช่วงวัยอื่นๆ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยแนวทางดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบเงินออมและพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าเงินออมที่มีอยู่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้หลังเกษียณ และตรวจสอบพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินความเสี่ยงและปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
- วางแผนเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉิน ด้วยการทำประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจะได้อุ่นใจ
- มองหาช่องทางในการทำธุรกิจส่วนตัว หากเงินที่หาได้ในแต่ละเดือนมีน้อยเกินไป จนทำให้เงินออมมีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ควรมองหาอาชีพเสริมที่ใช้ความรู้ความสามารถของคุณหาเงินได้ เช่น ที่ปรึกษา และอาจเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
ช่วงอายุ 55-64 ปี หรือช่วงเกษียณอายุอย่างมีความสุข
ถึงตอนนี้ เป็นช่วงเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุอย่างมีความสุข ควรประเมินความพร้อมทางการเงินเพื่อการเกษียณ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ทำไว้ เช่น เงินบำเหน็จบำนาญ พร้อมทั้งปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม