ในเรื่องของการลงทุน แน่นอนว่าใครหลายๆคนก็มักพยายามที่จะสร้างมูลค่าให้กับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นลงทุนด้วยหุ้น ลงทุนด้วยทอง และอื่นๆอีกมากมายจนรวมไปถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษและมีการเติบโตขึ้นเป็นดอกเห็น แต่ในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาแล้ว
อ่านเพิ่มเติม : ยอดอสังหาริมทรัพย์ หดตัวพร้อม ๆ กับดัชนีราคาห้องชุดพุ่งสูงขึ้น
หลังจากที่สิ้นปี 2015 ที่ผ่านมา ได้เผยให้เห็นถึงจำนวนเหลือขายของอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพและปริมณฆลใหม่ สูงถึงประมาณ 171,200 หน่วย และตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่ปี 1997 ที่เป็นปีแห่งวิกฤต และแน่นอนว่าสาเหตุที่ทำให้ อสังหาริมทรัพย์ตกค้าง มีจำนวนการเหลือขายที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ก็มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกันไม่ว่าจะเป็น
- มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก
- การนำเอาหน่วยเหลือขายที่ผู้ซื้อขอสินเชื่อไม่ผ่านมาขายใหม่
- สภาวะการแข่งขันในเรื่องของที่อยู่อาศัย เมื่อบ้านทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวในบางพื้นที่ได้มีราคาใกล้เคียงกัน
- ความสามารถในการขอสินเชื่อของผู้ที่ต้องการซื้อลดต่ำลง
ซึ่งสาเหตุต่างๆก็ได้ทำให้มีจำนวนอสังหาริมทรัพย์ตกค้างเป็นจำนวนไม่น้อยเลยล่ะ โดยเรามาดูรายละเอียดต่างๆคร่าวๆถึงสาเหตุที่ทำให้มีอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนเหลือขายมากที่สุดในรอบ 20 ปีกันเลยดีกว่าว่ารายละเอียดต่างๆ เกิดขึ้นเพราะอะไร เหลืออสังหาริมทรัพย์มากน้อยแค่ไหน ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่วางแผนจะลงทุนในด้านของอสังหาริมทรัพย์ต้องทำอย่างไรบ้าง ดังนี้
อสังหาริมทรัพย์แบบไหนที่เหลือขายเยอะที่สุด
อย่างที่เรารู้ดีว่าจำนวนอสังหาริมทรัพย์ในปีที่ผ่านมาได้มีจำนวนเหลือขายมากที่สุดด้วยหลากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยอสังหาริมทรัพย์ที่เหลือขายมากที่สุดก็เป็น คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งคิดเป็นปริมาณดังนี้
-
คอนโดมิเนียม 67,349 หน่วย
-
บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 50,909 หน่อย
-
ทาวน์เฮาส์ 48,999 หน่วย
โดยเมื่อแบ่งตามราคาแล้ว ก็พบว่าอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทมีสัดส่วนคงเหลือถึง 33% ของตลาดโดยรวม อสังหาริมทรัพย์ที่มีราคา 2-3 ล้านบาทมีสัดส่วนคงเหลือเป็น 24% ของตลาดโดยรวม
ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าก็ส่งผลไม่น้อยกับความสามารถในการซื้อ
ในทุกวันนี้ได้มีอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาไม่แพงผุดขึ้นจำนวนไม่น้อยเลยล่ะเพื่อที่จะตอบสนองต่อคนส่วนใหญ่ที่มีเงินไม่เยอะแต่ต้องการที่พักอยู่อาศัย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าประกอบกับหลายสิ่งหลายอย่าง ทำให้เหล่าผู้คนที่ต้องการที่พักอยู่อาศัยในระดับล่างไม่สามารถซื้อได้โดยเฉพาะคุณสมบัติในการขอสินเชื่อ ที่มีคนจำนวนไม่น้อยเลยล่ะที่คุณสมบัติไม่เพียงพอต่อการขออนุมัติสินเชื่อในส่วนนี้ จึงทำให้มีการนำอสังหาริมทรัพย์ที่เหลือขายมาขายใหม่และเมื่อของเก่าได้ทบกับของใหม่ ทำให้มีจำนวนเหลือขายจำนวนไม่น้อยเลยล่ะ
มีการแข่งขันกันด้านราคา เมื่อเงินก้อนเดียวกันมีตัวเลือกที่เยอะขึ้น
ก่อนที่เราจะใช้เงินซื้ออะไรก็ตาม การวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่าคุ้มราคา ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุด และสาเหตุหลักๆที่สำคัญที่ทำให้อสังหาริมทรัพย์บางประเภทเหลือขายที่เยอะนั้น ก็คือตัวเลือกที่เยอะขึ้น โดยทาวน์เฮ้าส์แถบชานเมืองมีแนวโน้มการขายที่ลดลง เพราะว่าโครงการบ้านที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ทำเลเดียวกันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ด้วยสภาวะการแข่งขันที่น่ากลัวเหล่านี้ประกอบกับความสามารถในการซื้อบ้านที่ลดต่ำลงเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว จึงทำให้มีจำนวนอสังหาริมทรัพย์บางประเภทเหลือขายไม่น้อยเลย
อสังหาริมทรัพย์บางโครงการตั้งอยู่ในบริเวณที่ไม่สามารถพักอาศัยได้
ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นในส่วนของพื้นที่บริเวณแถบชานเมืองที่ยังคงต้องรอการขยายตัวจากตัวเมืองสู่รอบนอก และแน่นอนว่าอาจจะใช้เวลาสักประมาณ 2-3 ปี ถึงจะมีการขยายพื้นที่จากในตัวเมืองไปถึง ซึ่งนักลงทุนรายย่อยบางคนก็เลือกนำที่ดินที่ตัวเองมีอยู่ นำไปพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อที่จะประหยัดเงินทุนในเรื่องที่ดี แต่ว่าในบางครั้งก็อาจจะลืมคำนึงถึงความสะดวกสบายในเรื่องของสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก จึงทำให้หลายโครงการไม่สามารถขายออกได้
แล้วผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่กำลังจะวางแผนอสังหาริมทรัพย์ ควรทำอย่างไร
ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะมีจำนวนอสังหาริมทรัพย์เหลือเยอะที่สุดในรอบ 20 ปีก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เรากำลังจะสร้างขึ้น ต้องเข้าไปอยู่ในส่วนของที่เหลือขาย โดยในส่วนของแนวทางการรับมือนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นที่ต้องมีกลยุทย์ที่ส่งเสริมการขายให้มากขึ้น มีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น การมอบส่วนลดราคาตามรูปแบบต่างๆหรืออื่นๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ควรที่ต้องระวังในการเปิดขายโครงการใหม่ใหม่อย่างนั้นแล้วอสังหาริมทรัพย์ของตัวผู้ประกอบการณ์เองจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอสังหาริมทรัพย์ที่ตกค้างได้
และนอกจากนี้ หากผู้ประกอบการศึกษาตลาดให้มีความละเอียดถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้นก็จะสามารถป้องกันภาวะที่อยู่อาศัยล้นตลาดได้เช่นกัน เพราะว่าคนส่วนใหญ่เลือกที่จะวางแผนให้มากขึ้น รอบคอบมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้การตัดสินใจในการซื้อที่อยู่อาศัยก็เป็นไปได้ยากขึ้นเช่นกัน หากโครงการของเราไม่มีความคุ้มค่าที่คนส่วนใหญ่สามารถสัมผัสได้ โอกาสที่จะตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของเราก็จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากนะ