ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามากเป็นอันดับต้นๆ รัฐบาลหลายยุคหลายสมัยต่างก็มีนโยบายในการสนับสนุนด้านการศึกษา โดยเฉพาะ การให้ทุนเรียนฟรีตามการศึกษาขั้นพื้นฐาน สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับเด็กเรียนดีแต่มีฐานะยากจนและเด็กผู้ด้อยโอกาส ซึ่งทุนก็มีมากมายทั้งในระดับประถม มัธยม และอุดมศึกษา และก็มีทุนที่เป็นทุนกู้ยืมทางการศึกษา ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการเล่าเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและในระดับอุดมศึกษา ที่มีฐานะยากจน-ปานกลาง ได้มีทุนในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ทั้งยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวทางบ้านอีกด้วย ทุนนี้จะถูกเรียกเก็บคืน เมื่อจบการศึกษาตามระยะเวลาที่กำหนดนั่นเองค่ะ
ทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นทุนที่เกิดขึ้นโดยมติของคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้จัดตั้งกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือที่เรียกว่า กยศ. นั้น ได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา และมีฐานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งอยู่ในกรอบกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษานี้ ได้เปิดให้นักเรียนและนักศึกษาได้กู้ยืมเป็นครั้งแรกในปีการศึกษา 2539 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 20 ปี โดยมีจำนวนผู้กู้ยืมไปแล้วทั้งสิ้น 4,625,210 ราย มูลค่าของทุนที่ให้ยืมไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 493,000 แสนล้านบาท ถึงแม้ว่าการให้เงินกู้ยืมเพื่อสนับสนุนทางด้านการศึกษา จะเป็นการให้โอกาสกับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ก็จริง แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ก็ประสบกับปัญหาการค้างชำระหนี้ กยศ. เป็นเงินจำนวนมาก ซึ่งยอดตามจริงของผู้จบการศึกษาและมีระยะเวลาครบกำหนดที่ต้องใช้หนี้คืนแก่กองทุนอยู่ที่ 1.9 ล้านราย หรือคิดเป็น 62 % เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากและไม่ควรที่จะเกิดขึ้น
ปัญหาการค้างชำระหนี้กยศ. ส่งผลอย่างไร ?
เรียกได้ว่าส่งผลโดยตรงกับผู้ที่ต้องการกู้ยืมเงินในรุ่นต่อๆไปนั่นเองค่ะ เพราะไม่ใช่แค่การค้างชำระหนี้เพียงอย่างเดียว แต่นั่นก็เท่ากับว่าได้ตัดโอกาสของน้องๆ นักเรียน นักศึกษา รุ่นหลัง ที่ขาดแคลน เมื่อลูกหนี้ไม่จ่ายหนี้ กองทุนกำลังจะขาดเงินทุนสนับสนุน ในขณะเดียวกันยอดของการขอยืมเงินทุนนั้นก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆปี ถ้านี่คือ เงินทุนเพื่อการศึกษา แล้วคนที่จบการศึกษาในระดับสูงแต่กลับไม่ยอมชำระหนี้ ปล่อยให้ค้างอยู่อย่างนั้น ชนิดที่ว่า “ไม่หนี แค่ไม่จ่าย” ก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า การศึกษานั้นช่วยยกระดับจิตใจคนในประเทศให้สูงขึ้นจริงหรือเปล่า ?
เมื่อปัญหานั้นเกิดขึ้นแล้ว หน้าที่ของรัฐเองก็คงจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ จำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อจัดการกับความไม่มีระเบียบเรียบร้อยและไร้วินัยเช่นนี้ มาตรการการแก้ปัญหาต่างๆ มีตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงมาก ขอเรียกว่าเป็นมาตรการเชิงบวกสำหรับลูกหนี้ที่ดีก็แล้วกัน อย่างเช่น การลดดอกเบี้ยให้อยู่ในอัตราที่ต่ำลงกว่าปกติ รวมไปถึงใครที่ปิดบัญชียอดหนี้ได้เร็วก็จะมีส่วนลดพิเศษ เป็นต้น และนอกจากนั้นก็ยังมีมาตรการป้องกันไม่ให้ลูกหนี้ผิดนัด ด้วยการออกข้อตกลง ถ้าถึงกำหนดการชำระแต่ยังค้างชำระเป็นเวลานาน ทางกองทุนจะคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น ถ้าเป็นประเภทที่ไม่มีวี่แวว ว่าจะจ่ายจริงๆ ทางกองทุนจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ขอหมายศาลเพื่อเรียกตัวมาดำเนินคดี หรือยึดทรัพย์สินตามจำนวนหนี้ที่คั่งค้างอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดได้เลย เพราะอย่างน้อยกองทุนเองก็มีการให้โอกาสลูกหนี้ที่คิดกลับตัวกลับใจได้มาเจรจาเพื่อขอชำระหนี้ ตรงนี้กองทุนก็จะให้โอกาสสามารถทยอยผ่อนชำระหนี้ได้ตามสมควรเป็นกรณีไป เพราะฉะนั้นแล้ว บัณฑิตที่จบใหม่ ใครที่ยังคั่งค้างอยู่ อย่าลืมไปดำเนินการนะคะ จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันให้เสียประวัติ
อ่านเพิ่มเติม : จัดหนัก เบี้ยวหนี้ กยศ . ติดเครดิตบูโร !
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นอะไรจากสังคมไทยในปัจจุบัน สิ่งที่เด่นชัดมากที่สุด ก็คงจะเป็น ไม่มีความรับผิดชอบและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ส่วนใหญ่ก็จะให้เหตุผลว่า รายจ่ายเยอะ รายได้น้อย เรียนจบหางานไม่ได้ ซึ่งความเป็นจริงทางกองทุนก็ให้ระยะเวลาในการเริ่มชำระหนี้ คือ 2 ปีหลังจากจบการศึกษา ภายในระยะเวลา 2 ปีนี้ คุณจะตกงานตลอดเลยหรือ ? คุณไม่มีเงินเก็บเลย ? หรือเพราะนี่คือสิ่งที่ทุกคนมองข้าม ไม่เห็นความสำคัญ จำวันแรกที่คุณได้รับทุนนี้ไหม ? ใครๆก็หวังเพิ่งเงินจากงบประมาณส่วนกลาง และด้วยเป็นเงินทุนที่ต้องใช้จ่ายกับการศึกษา จึงต้องคัดไว้ให้เฉพาะคนที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น แต่ก็รุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็ยังมีให้เห็นว่าค้างจ่ายกันจำนวนมาก บางคนได้งานทำ เงินเดือนมากมาย แต่ก็ยังละเลยปัดความรับผิดชอบ ซึ่งกรณีแบบนี้ก็มีให้เห็นมาเรื่อยๆ เรามาคิดใหม่กันเถอะค่ะ
ไหนๆก็ได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตจบสูงมีการศึกษากันแล้ว อย่าให้ใครมาบังคับว่าคุณต้องจ่ายเลยค่ะ ให้คิดวางแผนไว้เลยว่า จะเก็บเงินบางส่วนของเงินเดือนหรือหักจากรายได้แต่ละเดือน ไว้ใช้หนี้ เห็นความสำคัญของหนี้กยศ. ที่จะเป็นประโยชน์แก่รุ่นน้องต่อๆไป เพราะยังมีอีกหลายคนค่ะ ที่ยังขาดแคลนโอกาส ถ้าเราเคยได้รับโอกาสเหล่านั้นมาแล้ว เราก็คงจะเข้าใจว่ามันจำเป็นกับเรามากแค่ไหน อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง ช่วยกันรักษาประโยชน์ส่วนรวมแล้วส่งต่อนโยบายดีดีเหล่านี้ให้กับอนาคตของชาติในรุ่นต่อๆไป ประเทศของเราจะได้มีทั้งคนเก่งและคนดีออกมาสร้างชาติให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับชาติอื่นๆได้ และนี่ซึ่งก็ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน ที่ต้องได้รับการแก้ปัญหาเพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์ให้ดีขึ้นภายในเร็ววัน
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลข่าว : http://www.posttoday.com/economy/finance/429301