“เกษียณ” ได้อย่างสบาย ไร้กังวล คำตอบคือน้อยกว่า 15% ของคนที่กำลังจะเกษียณอายุทั้งหมด ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้มีการวางแผนการเกษียณที่ดีพอเสียตั้งแต่แรก คนส่วนใหญ่อ่านถึงตรงนี้ คงคิดต่อแล้วว่า…เราได้เตรียมการอะไรแล้วหรือยัง ซึ่งหลายคนอาจจะเหลือเวลาในการเก็บเงินแค่ประมาณ 10-20 ปีเท่านั้น หลายคนคงคิดว่าแล้วจะทำอย่างไรดี วันนี้เรามาเตรียมความพร้อมก่อนเกษียณเพื่อจะมีเงินเกษียณที่เพียงพอและพอเพียงให้เราไม่ต้องลำบาก
-
คำนวณเงินออมตอนเกษียณ ว่าเราควรจะมีเท่าไหร่ ณ วันที่ต้องเกษียณ
แค่ลองประมาณค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ (70% ของค่าใช้จ่ายปัจจุบัน*) x 12 เดือน เพื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อปี และจากนั้นก็คูณด้วยจำนวนปี
ที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ เพียงเท่านี้เราก็จะได้จำนวนเงินออมที่ต้องมี ณ วันที่เกษียณ
(70% ของค่าใช้จ่ายปัจจุบัน) x 12 x จำนวนปีหลังเกษียณ = จำนวนเงินที่ต้องมี ณ วันเกษียณ
ยกตัวอย่างเช่น เราตั้งเป้าไว้ว่าจะเกษียณตอนอายุ 60 ปี และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณอายุไปอีก 20 ปี (อายุ 80) โดยเรามีค่าใช้จ่ายปัจจุบันอยู่ที่ 25,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณก็จะเท่ากับ 17,500 บาทต่อเดือน (70% x 25,000) หรือ 210,000 บาทต่อปี จากนั้นก็คูณกับจำนวนปี
ที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุ หรือ 210,000 x 20 ปี ก็จะออกมาเป็นเงินเกษียณคือ 4,200,000 บาท
-
คำนวณเงินออมเฉลี่ยต่อเดือน เพื่อให้มีพอใช้ยามเกษียณ
ต่อมาเมื่อเราได้เงินเกษียณเป็นที่เรียบร้อย เราก็มาดูว่าเราจะต้องเก็บเงินต่อเดือนเท่าไหร่ อันนี้ก็ง่ายๆ เพียงแค่เอาเงินเกษียณที่คำนวณได้จากข้อที่ 1 มาตั้ง แล้วหารด้วยจำนวนเดือนตั้งแต่วันนี้จนถึงเมื่อเราเกษียณ
จำนวนเงินที่ต้องมี ณ วันเกษียณ / จำนวนเดือนตั้งแต่วันนี้จนถึงเราเกษียณ
ยกตัวอย่างเช่น เงินเกษียณที่ต้องการ = 4,200,000 บาท และสมมติว่าเราอายุ 25 ปี หรือมีเวลาอีก 420 เดือน (35 ปี) ก่อนเกษียณ ดังนั้นเราจะต้องเก็บเงินต่อเดือนประมาณ (4,200,000/420) = 10,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงทีเดียว ทั้งนี้ก็เพราะว่า เราเก็บเงินเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ลงทุน หรือทำเงินให้งอกเงยขึ้น แต่ถ้าเราเริ่มลงทุนเมื่อไหร่ เราก็มีโอกาสที่จะได้เงินเพิ่มขึ้น
ยิ่งมีเวลาออมมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเกษียณได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และถ้าเราหาผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีได้ ก็จะยิ่งทำให้เรามีเงินเกษียณที่มากขึ้นไปอีก หรือเราสามารถเกษียณรวย เกษียณเร็วได้นั่นเอง
คราวนี้เมื่อได้เงินที่ต้องออมในแต่ละเดือนแล้ว จากนั้นก็มาสำรวจกันว่า เรายังจะได้เงินเพิ่มที่จะเก็บไว้ใช้ยามเกษียณมาจากที่ไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็น
- เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- เงินจากกองทุนประกันสังคม ซึ่งถ้าเราจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมา 15 ปี พออายุ 55 ปี ก็จะได้รับเงินบำนาญชราภาพ ซึ่งถ้ายิ่งทำงานเกิน 15 ปี ก็มีโอกาสได้เงินที่มากขึ้นไปด้วย
- เงินจากกองทุน กบข. สำหรับผู้ที่เป็นราชการ
- เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600 บาทต่อเดือน
-
แบ่งเงินออมเกษียณไปลงทุนเพื่อให้งอกเงย
หากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เงินออมเกษียณนั้นควรแบ่งไปลงทุนตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในแต่ละช่วงอายุกันด้วย เพื่อให้มีโอกาสรับผลตอบแทน ที่ชนะเงินเฟ้อ แล้วจะได้เกษียณแบบชิลๆ ยกตัวอย่างเช่น
การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ซึ่งถือว่าเป็นตัวหลักในเรื่องของแหล่งเงินเกษียณเลยก็ว่าได้ เพราะกองทุนรวม RMF นั้นจะต้อง ลงทุนอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องลงทุนไปจนถึงอายุ 55 ปี ทำให้เรามีวินัยในการลงทุน และข้อดีอีกอย่างของ RMF ก็คือเราสามารถ สับเปลี่ยนการลงทุนจากความเสี่ยงสูงไปยังความเสี่ยงต่ำได้ ระหว่างหน่วยลงทุนของกองทุนรวม RMF ซึ่งมีหลากหลายประเภทให้เราเลือกได้ตามต้องการ ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับการจัดพอร์ตการลงทุน โดยลดความเสี่ยงลงเมื่อใกล้เกษียณ แค่นี้ง่ายๆเริ่มตั้งแต่อายุน้อย ลำบากออมตอนนี้สบายได้ไปอีกนานกันเลยนะ