ความสะดวกสบายคือสิ่งที่คนในปัจจุบันต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามในชีวิตประจำวัน แม้กระทั่งในเรื่องของการเงินก็ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของบัตรเครดิตที่สามารถทำให้ผู้ที่ทำบัตรนี้ ได้รับการอนุมัติเงินในอนาคตมาใช้จ่ายได้ตามที่ต้องการ เพื่อที่จะนำเอาไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องใช้ที่มีประโยชน์ต่าง ๆ รวมไปถึงของฟุ่มเฟือยในแบบที่สังคมสมัยใหม่ต้องการทุกชนิด และยังสามารถที่จะจ่ายค่าบริการในโรงพยาบาล โรงแรมหรือร้านอาหาร ซึ่งในความสะดวกสบายนี้ก็มีสิ่งที่สำคัญตามมานั่นก็คือ มีวินัยในการชำระคืน บางคนที่มีรายได้สูงก็สามารถที่จะชำระได้อย่างตรงเวลา และครบจำนวนได้อย่างสบาย ๆ
แต่ในคนที่อาจจะยังไม่พร้อม หมุนไม่ทันหรือมีปัญหาที่ทำให้รายรับการเงินหยุดชะงักแบบกะทันหัน ก็จะต้องเกิดการเป็นหนี้ ที่ท้ายที่สุดก็อาจจะทำให้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังไปในที่สุด ผู้คนมากมายที่มักจะเลือกใช้เงินในอนาคตนี้ที่มีอยู่หลายรูปแบบ ทั้งการขอสินเชื่อ บัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต ที่สามารถจะซื้อสินค้าได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องใช้เงินสดในการออกซื้อเอง เมื่อต้องการสินค้าชิ้นไหนแล้วต่อให้อยู่กลางเดือนก็สามารถซื้อได้เลยทันที
บัตรสารพัดรูปแบบที่มีการออกเงินให้ผู้ใช้ได้นำไปใช้จ่ายตามที่ต้องการนี้ ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมากในเหล่าคนวัยทำงานอย่างมาก จึงทำให้สถาบันการเงินมากมายที่ปล่อยเงินกู้ผ่านบัตรเหล่านี้ ทำโปรโมชั่นออกมาดึงดูดใจผู้คนให้เข้ามาสมัครในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสมัครครั้งแรกได้รับทอง หรือรับของรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนในผู้ที่มีบัตรอยู่ในมืออยู่แล้วก็จะมีโปรโมชั่นกระตุ้นให้คืนเงินตรงเวลา และใช้จ่ายผ่านบัตรด้วยการยิ่งใช้ก็ยิ่งเพิ่มคะแนนสะสม ที่เมื่อสะสมได้ตามจำนวนที่ทางบัตรได้กำหนดเอาไว้ ก็จะสามารถแลกเอาของที่มีมูลค่าไปใช้ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน หรือรูปแบบการคืนเงินที่ยิ่งใช้ก็คืนเงิน เป็นต้น ซึ่งในบางคนก็มีการสมัครบัตรเหล่านี้เพื่อเก็บเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินจากหลาย ๆ เหตุการณ์ รูปแบบการทำบัตรนั้นก็ไม่มีความยุ่งยาก เพียงแค่สมัครและยื่นเอกสารไปตามที่ทางสถาบันการเงินนั้น ๆ ต้องการ และรอผลการอนุมติเพียงเท่านี้ก็จะได้บัตรเครดิตที่สามารถให้บริการซื้อสินค้าได้แบบตามใจด้วยวงเงินที่จำกัดภายในบัตร ส่วนวงเงินในบัตรนั้นก็ขึ้นอยู่กับเงินเดือนหรือเงินรายได้ของแค่ละคน
ปัญหาหลักของการมีบัตรเหล่านี้อยู่ในมือ คือ ความไม่แน่นอนของการเงินรายได้ ที่อาจจะมีปัญหาอย่างกะทันหัน การมีบัตรเครดิตอยู่ในมือจึงเป็นการมีเพื่อไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็นหรือฉุกเฉินก็จะดีที่สุด
แต่ในบางคนกลับไม่สามารถที่จะยับยั้งชั่งใจได้ ใช้เงินเกินตัว และสุดท้ายก็หมดไปกับสิ่งของฟุ่มเฟือย เมื่อเกิดปัญหาที่อาจจะต้องออกจากงานแบบไม่ทันตั้งตัว หรือประสบอุบัติเหตุจนต้องใช้เงินจำนวนมาก ก็กลายเป็นว่าวงเงินในบัตรเต็มไปแล้ว และเมื่อไม่มีรายได้ที่เกิดขึ้นมาก็กลายเป็นว่าไม่มีเงินพอที่จะจ่ายและก็อาจจะกลายเป็นหนี้เสียไปได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำบัตรจึงควรที่จะคิดให้ดีก่อนว่าจะมีความสามารถมากพอที่จะจ่ายในวงเงินที่ได้มาไหวหรือไม่ คำนวณดูให้ดีก่อนการใช้จ่ายทุกครั้ง เพราะในการจ่ายหรือรูดออกจากบัตรในแต่ละครั้ง จะต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย จึงไม่ควรที่จะใช้จ่ายจนเกินตัวพร้อมทั้งมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายได้ตามกำลัง แต่ถ้าเกิดเป็นหนี้เป็นสินไปกับบัตรแล้ว และเกิดปัญหาทางการเงินหรืออาจจะลืม ไม่มีเวลา และไม่สะดวกต่อการออกไปจ่ายจนอาจจะทำให้เกิดเป็นความล่าช้าในการจ่ายเงินไป หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนที่อยู่ไป แล้วอาจจะมีจดหมายแจ้งเรื่องยอดเงินที่ตกค้าอยู่ จนทำให้ผู้ใช้บัตรลืมจนต้องไปจ่ายอย่างล่าช้า ก็อาจจะเริ่มเกิดเป็นความกังวลว่าจะมีการคิดดอกเบี้ยมหาโหดเกิดขึ้นหรือไม่ แล้วจะติดเครดิตบูโรด้วยหรือเปล่า ซึ่งปัญหาเหล่านี้ถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย และสถาบันทางการเงินก็มักจะมีการอนุโลมให้กับผู้ที่ชำระเงินล่าช้าที่ส่วนใหญ่จะไม่เกินที่ 5 วัน หลังจากวันที่ครบกำหนดต้องชำระเงิน ถ้าหลังจาก 5 วัน ไปแล้ว ก็ยังไม่มีการแจ้งยอดเงินเข้าไป สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าของบัตรก็จะเริ่มมีการทวงถามไปยังตัวของเจ้าของบัตรอีกครั้ง
ส่วนในผู้ที่ไม่มีการชำระค่าบริการในบัตรเกินหนึ่งเดือน ก็จะเริ่มมีการทั้งโทรทวงถามและส่งเป็นข้อความเตือนในการชำระผ่านทางโทรศัพท์มือถืออยู่เรื่อย ๆ โดยจะแจ้งยอดค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยเพิ่มด้วย ซึ่งถ้ามากกว่าหนึ่งเดือนแล้วยังนิ่งเฉย ก็จะมีการโอนเรื่องของการทวงหนี้ไปสู่บริษัทกฎหมายที่ดูแล และติดตามด้านการทวงหนี้ ก็จะโทรมาติดตามทวงถามการชำระค่าบัตรเครดิตไปทางเจ้าของบัตรโดยตรง พร้อมไปด้วยการคิดค่าดำเนินการติดตามทวงหนี้ ที่จะมากับหมายศาลถ้าเจ้าของบัตรยังคงนิ่งเฉยและไม่ยินยอมที่จะจ่ายหนี้คืน ซึ่งในผู้ที่อาจจะมีความจำเป็นที่ต้องจ่ายอย่างล้าช้าที่เกินกว่าทางสถาบันการเงินได้กำหนดเอาไว้ ก็ควรที่จะมีการโทรศัพท์ไปติดต่อแล้วแจ้งที่สถาบันการเงินนั้นไว้ เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงว่าเป็นคนที่มีตัวตนจริง ๆ ที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ชำระค่าบัตรเครดิตเพียงแต่อาจจะมีการติดภารกิจสำคัญบางอย่าง หรือยู่ในพื้นที่ที่ไม่สะดวกต่อการจ่าย แม้กระทั่งการมีปัญหาทางการเงิน เพื่อที่จะให้ทางสถาบันการเงินได้ยืดระยะเวลาของชำระออกไป โดยที่ไม่มีการคิดดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมการทวงถามเพิ่มนั่นเอง