เงินเดือน เมื่อคุณได้ยินคำนี้คุณรู้สึกอย่างไรคะ เราเชื่อว่าคุณก็เป็นคนหนึ่งที่พอพูดถึงเงินเดือนจะต้องตอบกับเป็นเสียงเดียวว่า ไม่พอใช้ เพราะการที่เรารับเงินมาเป็นรายเดือน ถึงได้มามากหรือน้อยก็ตาม คุณจะต้องพบเจอกับปัญหาของการขาดสภาพคล่อง หรือพูดง่าย ๆ คือเงินขาดมือนั่นเอง เมื่อคุณได้เงินมาในจำนวนหนึ่งทุกเดือน แต่กลับไม่มีการวางแผนเกี่ยวกับการใช้จ่ายภายใน 1 เดือนให้ดีก่อนที่จะใช้จ่าย นั่นเป็นสัญญาณเตือนให้คุณรู้แล้วค่ะว่า พอเกือบถึงสิ้นเดือนคุณจะเกิดการขาดสภาพคล่อง หรือเงินขาดมืออย่างแน่นอน ดังนั้นการวางแผนการเงิน จึงเป็นเรื่องที่คุณควรให้ความสนใจอย่างมาก เพื่อให้ชีวิตของคุณดีขึ้นนั่นเอง
การออมเงิน ก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ เพราะการออมเงินเป็นการประกันความเป็นอยู่ในแต่ละเดือนให้มีเงินเหลือ การที่คุณเริ่มมีการวางแผน ในการใช้จ่ายเงินเป็นอย่างดี ย่อมส่งผลให้คุณมีเงินออมเพื่อประกันว่าคุณจะไม่เกิดสภาวะของการขาดสภาพคล่องภายในเดือน ๆ นั้น อย่างแน่นอน และก็เช่นเดียวกันค่ะ หากคุณนำเงินออมนั้นมาลงทุนเพื่อเพิ่มผลกำไรให้เป็น 2 เท่าเพิ่มขึ้นจากเดิม ก็เป็นเรื่องดีค่ะ เพราะนั้นก็เท่ากับว่าคุณมีเงินเก็บภายในบัญชีเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง และจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคุณดีขึ้นตามไปด้วยค่ะ อย่างแรกเราขอแนะนำการวางแผนในการออมเงินก่อนนะคะว่าควรทำอย่างไรกันบ้าง
วางแผนการออมเงินอย่างไร
ความร่ำรวย และชีวิตที่เป็นอิสรทางด้านการเงิน มักเริ่มต้นด้วยการ “ออม” ค่ะ ใครที่เริ่มการออมก่อนย่อมมีโอกาสที่จะรวยเร็วกว่า และสามารถก้าวเข้าสู่ความมั่งคงในการใช้ชีวิตได้เร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็มีใครอีกหลายคนที่ต้องการจะออมเงิน แต่กลับทำไม่ได้สักที มีแต่อุปสรรคที่ไม่สามารถออมเงินได้ อย่างเช่น คนที่มีเงินเดือนน้อย ภาระทางบ้านมาก ต้องสร้างเนื้อสร้างตัว ต้องให้เงินพ่อแม่ทุกเดือน อย่างนี้เป็นต้น ทำให้การออมเงินเป็นเรื่องยากสำหรับคนเหล่านี้ อันที่จริงแล้วคุณสามารถเก็บออมเงินได้เหมือนกันค่ะ เพียงแค่เปลี่ยนจากความคิดเดิม ๆ อย่างเช่น “การใช้จ่ายก่อน เหลือเท่าไรค่อยออม” มาเป็น “ออมเงินก่อน เหลือเท่าไรค่อยใช้” เพียงเท่านี้คุณก็สามารถที่จะมีเงินออมอย่างคนอื่น ๆ แล้วล่ะค่ะ
ขั้นแรกในการออม มีการวางแผนเริ่มต้นโดยการให้คุณลองออมเงินเดือนละประมาณ 10% ของรายได้ทั้งหมดก่อนค่ะ ยกตัวอย่างเช่น
- คุณมีเงินเดือนประมาณ 10,000 บาท ต้องการออมเงินประมาณ 10% (10,000 x 0.10) ก็จะได้เงินที่คุณต้องการออมอยู่ที่ 1,000 บาท
- จากนั้นค่อยนำส่วนที่เหลืออีก 9,000 บาท (10,000 – 1,000) มาใช้จ่ายในเดือนนั้น ๆ ค่ะ
หรือ ในกรณีที่คุณเป็นคนชอบใช้จ่ายเงิน ถึงจะแก้ไขยังไงก็ไม่หาย ลองดูวิธีนี้ค่ะ ทุกครั้งที่คุณซื้อของ คุณก็ต้องเก็บเงินให้ได้ 10% ของเงินที่จ่ายไปค่ะ ยกตัวอย่างเช่น
- เมื่อคุณซื้อของที่ต้องการในจำนวนเงิน 200 บาท
- คุณก็ควรเก็บเงินให้ได้ 20 บาท (200 x 0.10) เพื่อเป็นเงินออม
หากคุณทำอย่างนี้ทุกครั้งที่ซื้อของ รับรองได้เลยค่ะว่าคุณจะมีเงินออมในแต่ละเดือนมากอย่างที่คุณคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
ทั้งนี้การออมเงินก็เป็นเรื่องที่คุณจะต้องมีจิตใจที่ตั้งมั่นที่จะทำด้วยนะค่ะ เพราะในช่วงแรก ๆ คุณอาจจะมีความรู้สึกอึดอันอยู่บ้าง เนื่องจากการใช้จ่ายเงินของคุณไม่คล่องตัวเหมือนแต่ก่อน แต่หากคุณทำเป็นประจำจะทำให้คุณเกิดความเคยชิน บวกกับเห็นเงินในบัญชีค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้นคุณลองเพิ่มสัดส่วนในการออมให้เป็น 20% หรือว่า 30% ดูซิค่ะ คุณก็จะพบจำนวนที่เพิ่มขึ้นมาในแต่ละปีของคุณอย่างชัดเจนค่ะ
พบมาถึงจุดนี้คุณคงเห็นภาพของการออมเงินอย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่ คุณควรทำเป็นอย่างยิ่ง นั้นก็คือการแยกบัญชีเงินออมออกจากบัญชีใช้จ่ายทั่วไปค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญที่คุณไม่ควรนำเงินทั้งหมดมากองรวมกัน หรือไว้ในบัญชีเดียวกันก็เพราะว่า โดยนิสัยของมนุษย์เรา เมื่อเห็นเงินในบัญชีมากเท่าไรก็ยิ่งมีความต้องการที่จะซื้อมากเท่านั้นค่ะ นั้นก็จะทำให้เงินที่คุณเก็บออมเอาไว้หมดไปด้วยกันนั่นเอง เราขอแนะนำให้คุณแยกออกเป็น 4 บัญชี เริ่มด้วย
- บัญชีฉุกเฉินค่ะ ควรจะมีเงินเก็บไว้ให้กับบางเรื่องที่ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างเช่น การเจ็บป่วย และอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เป็นต้น
- บัญชีเงินออมระยะสั้นถึงระยะกลาง เป็นบัญชีที่คุณต้องเก็บไว้เพื่อใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็นในชีวิต อย่างเช่น การซื้อบ้าน ซื้อรถ และอื่น ๆ อีกมากมายแล้วแต่ความจำเป็นของแต่ละคนค่ะ
- บัญชีออมเงินระยะยาว ก็เพื่อให้คุณมีเงินใช้ในช่วงเวลาที่คุณเกษียณ หรือก็เป็นค่าเล่าเรียนให้กับลูก ๆ ในยามที่เขาเติบโต เงินก้อนนี้คุณจะต้องใช้ความตั้งใจสูง การออมจึงต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญเมื่อคุณใส่เงินเข้าบัญชีแล้ว คุณต้องลืมมัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคุณจะไม่ยอมถอนเงินก้อนนั้นไปใช้อย่างอื่นเด็ดขาดค่ะ
- บัญชีเพื่อการลงทุน หากคุณเคยแต่ฝากเงินไว้กับธนาคารเพียงอย่างเดียวนั้น คุณลองหันมาเลือกการลงทุนเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับตัวคุณเองดูบ้างอย่างเช่น การลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ เป็นต้นค่ะ
สำหรับการลงทุน
คุณสามารถศึกษาตามหลักทรัพย์ของประเทศไทยค่ะ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงคุณควรศึกษาเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและเงื่อนไขในการลงอย่างละเอียด เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เงินเก็บ เงินออมของคุณหมดไปกับเรื่องพวกนี้ก็ได้ค่ะ เราขอแนะนำการลงทุนที่คุณสามารถร่วมลงทุนได้ นั้นก็คือ กองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมทั่วไป และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ค่ะ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่สภาวะทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มทางเศรษฐกิจค่ะ ผู้ที่มีเงินได้รายเดือน นั้น เหมาะอย่างยิ่งกับการลงทุนแบบกองทุนรวมแบบปันผล เพราะเป็นการลงทุนครั้งเดียวแต่คุณจะได้เงินปันผลอย่างต่อเนื่อง ตามแต่นโยบายการจ่ายเงินปันผลของกองทุนรวมแต่ละที่นั่นเองค่ะ ทั้งนี้อย่างที่รู้กันเป็นอย่างดีค่ะว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงควรศึกษาทำความเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจ
อ่านเพิ่มเติม :10 ข้อคิด มนุษย์เงินเดือน ลงทุน อย่างไรให้งอกเงย